นางเกษมศรี หอมชื่น ผู้ว่าการ วว. ชี้แจงว่า ขณะนี้ วว.ประสบความสำเร็จในการพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มเสริมสุขภาพ อันได้แก่ เครื่องดื่มจากผักพื้นบ้าน : น้ำผักเชียงดา น้ำผักหวานบ้าน น้ำว่านหางจระเข้พร้อมดื่ม และ ขนมขบเคี้ยวแบบแท่งเพื่อสุขภาพ ผลงานดังกล่าวล้วนเป็นการนำวัตถุดิบในการผลิตจากในประเทศ ผลิตภัณฑ์ต่างๆล้วนมีคุณค่าทางโภชนาการสูง เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้รักสุขภาพ โดยพร้อมถ่ายทอดเทคโนโลยีให้แก่ภาคเอกชน
- เครื่องดื่มจากผักพื้นบ้าน : น้ำผักเชียงดา และ น้ำผักหวานบ้าน ที่อุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระธรรมชาติ และมีประสิทธิภาพในการลดระดับน้ำตาลในเลือด จึงเหมาะสำหรับผู้ป่วยโรคเกิดเบาหวาน อีกทั้งผลิตภัณฑ์ยังให้แคลอรี่ต่ำกว่าผลิตภัณฑ์ประเภทเดียวกันที่จำหน่ายในท้องตลาด โดย วว.ได้พัฒนาน้ำผักเชียงดาและผักหวานบ้าน ชนิดละ 2 สูตร คือ สูตรธรรมชาติและสูตรน้ำผึ้งผสมมะนาว โดยใช้สารที่ให้ความหวานแทนน้ำตาล ให้พลังงานเพียง 15 กิโลแคลลอรี่ต่อหน่วยบริโภค (220 มิลลิลิตร) และมีปริมาณโซเดียมต่ำเพียง 10 มิลลิกรัมเมื่อเทียบผลิตภัณฑ์ประเภทเดียวกันในท้องตลาดที่ให้พลังงานระหว่าง 45-70 กิโลแคลอรี่ และมีเกลือโซเดียมระหว่าง 20-55 มิลลิกรัม นับว่าเครื่องดื่มน้ำผักดังกล่าวเหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้รักสุขภาพที่ต้องการเสริมสารต้านอนุมูลอิสระ รวมทั้งช่วยควบคุมระดับน้ำตาลและจำกัดพลังงานที่เป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคอ้วน
- ว่านหางจระเข้พร้อมดื่ม ใช้ว่านหางจระเข้เป็นส่วนประกอบหลัก และเสริมรสชาติผลิตภัณฑ์ด้วยน้ำผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามิน เช่น ส้ม ฝรั่ง สัปปะรด โดยผลิตภัณฑ์ยังคงคุณค่าของว่านหางจระเข้อย่างครบครัน ช่วยบำรุงร่างกายเนื่องจากการอ่อนเพลียพักผ่อนน้อย และยังเป็นยาระบายอ่อนๆ ช่วยทำให้ระบบขับถ่ายของร่างกายเป็นปกติ อีกทั้งยังช่วยบรรเทาโรคกระเพาะอาหารอักเสบอีกด้วย มี 2 สูตร ได้แก่ น้ำว่านหางจระเข้พร้อมดื่มจากผลไม้เข้มข้น (สีส้มออกเหลือง) และน้ำว่านหางจระเข้พร้อมดื่มจากผลไม้ธรรมชาติ (สีเขียวอ่อน) โดยเลือกใช้น้ำตาลฟรุกโตส เป็นสารให้ความหวาน รวมทั้งยังได้พัฒนาเป็นเครื่องดื่มชนิดผง มี 2 สูตร ได้แก่ เครื่องดื่มชนิดผงกลิ่นมะตูมและกลิ่นเก๊กฮวย
- ขนมขบเคี้ยวแบบแท่งเพื่อสุขภาพ “ซี-ไรซ์” ใช้วัตถุดิบหลักที่หาได้จากภายในประเทศ ได้แก่ ข้าวและธัญพืช เช่น ถั่วลิสง งา เมล็ดฟักทอง เมล็ดทานตะวัน อัลมอลด์ ผลไม้อบแห้ง และน้ำผึ้ง โดยผลิตภัณฑ์ได้ปรับแต่งกลิ่น รสชาติและเนื้อสัมผัสของขนมและเสริมคุณค่าทางโภชนาการให้เหมาะสมกับวัยของกลุ่มผู้บริโภค 3 วัย ได้แก่ วัยเด็ก วัยทำงาน และวัยสูงอายุ เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณค่าทางโภชนาการครบถ้วนทั้งโปรตีน คาร์โบไฮเดรต ใยอาหาร แร่ธาตุ วิตามินและสารต้านอนุมูลอิสระ แต่มีปริมาณไขมันและน้ำตาลต่ำ เหมาะสำหรับนำไปรับประทานทดแทนมื้ออาหารหรือทานเล่นในยามว่าง
วว.พร้อมถ่ายทอดเทคโนโลยีผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มเสริมสุขภาพ ให้แก่ภาคเอกชน เพื่อนำผลิตในเชิงพาณิชย์ สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) โทร. 0 2577 9000 หรือ Call Center วว. โทร. 0 2579 3000 ในวันและเวลาราชการ www.tistr.or.th