นายโอกาส เตพละกุล ประธานสภาที่ปรึกษาฯ นายสมควร รวิรัช รองประธานสภาที่ปรึกษาฯ คนที่ 1 รองประธานสภาที่ปรึกษาฯ คนที่ 2 ได้ร่วมกันแถลงข่าว สรุปการสัมมนาและการแสดงความเห็นของผู้เข้าร่วมการสัมมนา สรุปได้ดังนี้
ผลสรุปการสัมมนา พอสรุปได้ ดังนี้
1. ให้แก้ปัญหาด้านเศรษฐกิจ ทั้งระยะสั้น และระยะยาว โดยการยกระดับความเป็นอยู่ของคนส่วนใหญ่ให้ดีขึ้น การประท้วงจะน้อยลง
2. ให้แก้ปัญหาความแตกต่างในสังคม ลดช่องว่างด้านรายได้ ด้านการศึกษา ด้านการรับรู้ข้อมูลข่าวสาร ซึ่งเรื่องนี้รัฐบาลทำได้ทันที โดยเฉพาะให้ประชาชนเรียนรู้ด้านเทคโนโลยีอย่างแพร่หลาย
3. ให้แก้วิกฤตนี้ด้วยสันติวิธี คือ ใช้วิธีการเจรจา โดยผู้นำทั้งสองฝ่ายต้องรู้จักเสียสละ ลดทิฐิมานะลง และนึกถึงประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลัก ไม่ใช่นึกถึงผลประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้อง ซึ่งการยุบสภาเป็นทางเลือกหนึ่ง แต่ต้องในเวลาที่เหมาะสม เศรษฐกิจจะไปได้ดี การปฏิวัติไม่ใช่หนทางที่เหมาะสม เพราะจะทำให้ประเทศชาติเสียหาย
4. เสนอให้มีการเจรจาครั้งที่ 3 เสนอให้สภาที่ปรึกษาฯ เป็นศูนย์กลางในการเจรจาและอำนวยความสะดวกทั้งด้านสถานที่และบุคคลากร ซึ่งหากทั้งสองฝ่ายยินยอม
ผลการสัมมนาดังกล่าว สภาที่ปรึกษาฯ จะได้พิจารณาร่วมกันในการประชุมสภาที่ปรึกษาฯ ในวันที่ 8 เมษายน 2553 นี้ และจะได้นำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีต่อไป
ทั้งนี้ ในการประชุมสัมมนาดังกล่าว สรุปสาระสำคัญที่วิทยากรแต่ละท่านนำเสนอได้ดังนี้
นายสถาพร ชินะจิตร อดีตกรรมการผู้จัดการธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (เอ็กซิมแบงก์) กล่าวว่า ปัญหาขณะนี้เป็นวิกฤตที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคม ที่วุฒิภาวะทางการเมืองในปัจจุบันยังมีไม่เพียงพอ และไม่มีกลไกในการแก้ไขปัญหาที่ชัดเจน โดยที่กลุ่มผู้ชุมนุมส่วนใหญ่มองว่าปัญหาที่กำลังประสบมีความเกี่ยวข้องกับปัญหาปากท้องของตนเอง และไม่เห็นแนวทางที่ใครจะแก้ปัญหาได้ เกิดปมขัดแย้งขึ้นในใจและตัองการให้ผู้นำที่ตนเองชื่นชอบกลับมาแก้ไขปัญหา
แนวทางในการแก้ปัญหาด้านเศรษฐกิจนั้น จะต้องแก้ปัญหาทั้งระยะสั้นและระยะยาวไปพร้อมๆ กัน ต้องมีจุดหมายที่ชัดเจนและมีการนำเทคโนโลยีใช้ให้มากขึ้น รวมถึงการเข้าสู่ระบบ Knowledge Economy ซึ่งจะต้องยกระดับการศึกษาและการเรียนรู้ ไม่ให้เกิดช่องว่างทางการศึกษา เร่งแก้ปัญหาการว่างงาน และช่องว่างทางรายได้ระหว่างคนจนกับคนรวย จึงควรมีการยกระดับความเป็นอยู่ของคนส่วนใหญ่ให้มีรายได้ และมีการศึกษาที่ดีขึ้น นอกจากนี้ การพัฒนาโครงสร้างการคมนาคม การสื่อสาร หรือด้านไอซีที ยังไม่เป็นที่น่าพอใจ โดยผลการศึกษาของ World Bank พบว่า การพัฒนาด้านไอซีที มีผลกระทบต่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์ และทำให้ค่าจีดีพีในประเทศมีการเจริญเติบโตสูงขึ้นด้วย
ด้าน ผศ.ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์และผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ ม. หอการค้าไทย กล่าวว่า ทางออกจากวิกฤตการเมือง ภาวะความเหลื่อมล้ำทางสังคมยังเป็นปัญหา ภาคธุรกิจยังมีความกังวลในเรื่องการเมือง ตราบที่ยังไม่มีการปิดสนามบินหรือเส้นทางคมนาคมขนส่ง ย่อมไม่ส่งผลกระทบต่อยอดการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ เนื่องจากแรงขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจส่วนใหญ่นั้นมาจากการส่งออกสินค้าไปยังต่างประเทศ แต่หากการชุมนุมยืดเยื้อต่อไป ประเทศไทยจะสูญเสียโอกาสในด้านการท่องเที่ยวในช่วงเทศกาล และส่งผลกระทบต่อรายได้จากการท่องเที่ยวถึง 50,000 ล้านบาท ที่ผ่านมาแม้ว่าเศรษฐกิจจะดีขึ้น แต่การบริโภคน้อยลง ซึ่งเชื่อว่าในไตรมาสที่ 2 นี้ จะมีการอัดฉีดเงินงบประมาณโครงการไทยเข้มแข็ง ก็สามารถแก้ไขปัญหาได้
ทั้งนี้ ในภาคเศรษฐกิจมีความเห็นว่า การจะยุบสภาหรือไม่ ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ แต่ที่เสียดาย คือ หากมีการยุบสภา จะเกิดความล่าช้าในการใช้งบประมาณ โอกาสในการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ความเชื่อมั่นในการลงทุน ทำให้ภาวะเศรษฐกิจไทยมีความเปราะบางสูง ถือเป็นการเสียโอกาส
สุดท้าย ทางออกในการแก้ไขปัญหา ดร.ธนวรรธน์ฯ มองว่า การเจรจาให้เกิดความเข้าใจและนำไปสู่การ
ยุบสภาในช่วงเวลาที่เหมาะสมจะสามารถแก้ไขปัญหาได้
นายเสงี่ยม เอกโชติ อุปนายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวไทย ได้เสนอให้หลายภาคส่วนของสังคมได้เข้ามาร่วมมือกัน ตั้งแต่บุคลากรฝ่ายการเมือง ฝ่ายปกครองหรือเหล่าข้าราชการ และประชาชน
ปัญหาที่เกิดขึ้นสืบเนื่องจากความเข้าใจในหลักของประชาธิปไตยที่แตกต่างกัน โดยเฉพาะ คำว่าเสรีภาพ ที่ดูเหมือนว่าจะถูกนำมาใช้อย่างฟุ่มเฟือย เกินขอบเขต เห็นได้จากการปล่อยให้มีสื่อเสรีต่างๆ วิทยุชุมชน หรือทีวีเสรีเข้ามามีบทบาทต่อค่านิยมทางประชาธิปไตยที่บิดเบือนไป ดังนั้น การจะเชื่อสิ่งใดจะต้องเชื่อโดยใช้วิจารณญาณ อย่าเชื่อในสิ่งที่คนอื่นพูดมา ยิ่งกว่านั้นเราไม่ควรมองประชาธิปไตยในมุมแคบๆ เพียงแค่การเลือกตั้ง หรือการแสดงออกในรูปแบบที่ใครเสียงดังมากกว่าถึงจะเป็นประชาธิปไตย เพราะสิ่งนี้ไม่ใช่การแสดงออกถึงความเป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง
นอกจากนั้น การทำให้ประเทศน่าอยู่ ทุกฝ่ายควรลดทิฐิมานะของตนเองลง แล้วหาจุดลงตัวของกติการ่วมกัน พร้อมทั้งให้ความเคารพและให้ความสำคัญกับคณะอนุญาโตตุลาการที่จะก้าวมาเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ปัญหาสังคมต่อไป
Mr. Geoffrey Longfellow ที่ปรึกษาการลงทุน ได้ให้ความเห็นว่า วิกฤตการเมืองในปัจจุบันนั้นมีผลกระทบต่อการท่องเที่ยว เกิดจากชนชั้นกลาง (คนรวย) ไม่มีความรับผิดชอบเท่าที่ควร มีจริยธรรมและทัศนคติที่รับผิดชอบต่อสังคมต่ำ เช่น การสนับสนุนบุตรหลานในทางที่ผิด หรือการหลีกเลี่ยงการเสียภาษีอากร ทำให้การทำหน้าที่เป็นพลเมืองที่ดีบกพร่อง ดังนั้น ควรมีการปฏิรูปสังคม เพื่อลดช่องว่างของรายได้
นอกจากนั้นแล้วการศึกษาของไทยที่ไม่เป็นการส่งเสริมให้เด็กได้คิดเป็นแก้ปัญหาเป็น ส่งผลให้เด็กไทยในปัจจุบันมีปัญหาทั้งด้านการใช้ภาษา และการใช้หลักของการใช้วิจารณญาณที่ดี
พระธรรมคุณาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดสามพระยา กล่าวว่า ความขัดแย้งภายในประเทศ ณ ขณะนี้ โดยเฉพาะการเคลื่อนไหวของกลุ่ม นปช. เป็นวิกฤตทางความคิดที่มีผลกระทบที่ก่อให้เกิดวิกฤตเศรษฐกิจและสังคมโดยตรง ฝ่ายการเมืองในปัจจุบันยังมีวุฒิภาวะทางการเมืองไม่เพียงพอ กลไกตามรัฐธรรมนูญไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ นักปกครองต้องเลือกทางใดทางหนึ่งในการปฏิบัติ ยอมเสียสละในวันนี้เพื่อประโยชน์ในวันหน้า จะเลือกประโยชน์ส่วนตัวหรือประโยชน์ของประเทศชาติ นักปกครองต้องใจกว้าง ทำหน้าที่เป็นกลาง ด้วยความเที่ยงธรรม ไม่เข้าข้างใดข้างหนึ่ง ต้องคุยกันหาทางออก ใช้หลักทางสายกลางใช้เหตุและผล นำปัญหามาตั้ง แล้วช่วยกันแก้ให้พบจุดร่วม เพื่อผ่านวิกฤต คนไทยก็ต้องรู้จักคำว่าเสียสละและรู้จักให้อภัย หรือถอยคนละก้าวเพื่อประโยชน์ของบ้านเมือง.