อินดัสตรี ผู้ผลิตยางรถยนต์ชั้นนำของญี่ปุ่น เพื่อส่งเสริมการจ้างงาน การพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตขั้นสูง และเพิ่มมูลค่ายางพาราไทยส่งออกป้อนโรงงานผลิตยางรถยนต์ในญี่ปุ่น
ดร.อภิชัย บุญธีรวร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) เปิดเผยว่า ล่าสุด EXIM BANK ประสบความสำเร็จในการเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน จับคู่ธุรกิจให้เกิดการร่วมทุนระหว่างบริษัท ซูมิโตโม รับเบอร์ อินดัสตรี จำกัดของญี่ปุ่นและกลุ่มบริษัทไทยอีสเทิร์นของไทย โดยมีมูลค่าการลงทุนทั้งสิ้นประมาณ 1,100 ล้านบาท เพื่อผลิตยางรถยนต์ภายใต้ยี่ห้อ Dunlop, Falken และ Goodyear รวมทั้งผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับยางพาราป้อนตลาดยานยนต์ญี่ปุ่น
กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK เปิดเผยต่อไปว่า เนื่องจากบริษัท ซูมิโตโม รับเบอร์ อินดัสตรี จำกัดของญี่ปุ่น สนใจจะจัดตั้งบริษัทร่วมทุนกับคนไทยเพื่อปลูกยางพาราและจัดตั้งโรงงานผลิตยางแท่งและผลิตภัณฑ์ยางใหม่ๆ ในไทย ด้วยความเล็งเห็นถึงประโยชน์ร่วมกันของไทยและญี่ปุ่นในการพัฒนาอุตสาหกรรมการผลิตยางพารา โดยไทยจะได้ประโยชน์จากการจ้างงานและได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตขั้นสูงจากญี่ปุ่น ช่วยเพิ่มมูลค่าให้แก่สินค้ายางพาราส่งออกของไทยและการเติบโตของภาคส่งออกไทย ขณะที่ญี่ปุ่นสามารถเพิ่มเสถียรภาพและประสิทธิภาพในการควบคุมคุณภาพวัตถุดิบ รวมทั้งพัฒนางานวิจัยและนวัตกรรมยางใหม่ๆ โดยเฉพาะยางรถยนต์ที่มีสมรรถนะเพิ่มมากขึ้น โดยอาศัยจุดแข็งของประเทศไทยในการเป็นประเทศผู้ผลิตและส่งออกยางพาราอันดับ 1 ของโลกและมีศักยภาพสูงในการผลิตและแปรรูปยางพารา EXIM BANK จึงได้แนะนำให้ซูมิโตโม รับเบอร์ อินดัสตรีรู้จักกับกลุ่มบริษัทไทยอีสเทิร์น ซึ่งเป็นลูกค้าของ EXIM BANK และเป็นบริษัทชั้นนำในด้านธุรกิจสวนยางและโรงงานยางแท่งคุณภาพสูงของไทย
การร่วมทุนไทย-ญี่ปุ่นในครั้งนี้มี EXIM BANK เป็นที่ปรึกษาของกลุ่มบริษัทไทยอีสเทิร์น ขณะที่ไดวา ซิเคียวริตีส์ แคปปิตอล
มาร์เก็ตส์ เป็นที่ปรึกษาของซูมิโตโม รับเบอร์ อินดัสตรี โดยบริษัทร่วมทุน 2 แห่งที่จัดตั้งขึ้นประกอบด้วย 1) บริษัท ซูมิรับเบอร์ ไทยอีสเทิร์น แพลนเทชั่น จำกัด กลุ่มไทยอีสเทิร์นเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ดำเนินธุรกิจปลูกสวนยางพารา คาดว่าจะเริ่มดำเนินการกรีดน้ำยางได้ภายในอีก 4-6 ปีข้างหน้า และ 2) บริษัท ซูมิรับเบอร์ ไทยอีสเทิร์น คอร์ปอเรชั่น จำกัด ซูมิโตโม รับเบอร์ อินดัสตรีถือหุ้นใหญ่ เป็นโรงงานผลิตผลิตภัณฑ์ยางแท่งคุณภาพสูง และได้รับการส่งเสริมจากบีโอไอ คาดว่าจะเริ่มดำเนินการผลิตได้ในปี 2554 รวมถึงยังมีโครงการร่วมทุนโรงงานผลิตภัณฑ์ยางนวัตกรรมใหม่อีกในอนาคต โดยมีมูลค่าโครงการรวม 1,100 ล้านบาท
“ผลจากการร่วมทุนในครั้งนี้ นอกจากจะช่วยส่งเสริมการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตยางแท่งคุณภาพในประเทศไทยแล้ว ยังช่วยเพิ่มการจ้างงานในประเทศได้อีกจำนวนมาก รวมทั้งสร้างมูลค่าส่งออกผลิตภัณฑ์ยางได้อีกกว่า 4,000 ล้านบาทต่อปี” ดร.อภิชัยกล่าว
ทั้งนี้ บริการที่ปรึกษาทางการเงินเป็นบริการใหม่ของ EXIM BANK โดยฝ่ายวาณิชธนกิจ เพื่อให้บริการเป็นที่ปรึกษาแนะนำเกี่ยวกับการระดมทุนเพื่อขยายกิจการ การปรับโครงสร้างทางการเงิน การให้คำปรึกษาในการซื้อ ขาย หรือควบรวมกิจการ การจัดหาพันธมิตรทางการเงินและพันธมิตรทางธุรกิจ ตลอดจนให้คำปรึกษาทางการเงินอื่นๆ เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์และสร้างมูลค่าสูงสุดให้แก่ลูกค้า
ส่วนประชาสัมพันธ์ สำนักบริหาร
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ส่วนประชาสัมพันธ์ สำนักบริหาร
โทร. 0 2271 3700, 0 2278 0047, 0 2617 2111 ต่อ 1140-7