TRT: แนวโน้มกำไรสุทธิเบื้องต้นใน Q1/53 จะอยู่ในระดับไม่ต่ำกว่า 70 ล้านบาท ประกอบกับการเร่งรัดให้มีการกระจายการลงทุนของรัฐบาล ส่งผลให้มีงานประมูลออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทอยู่ระหว่างการประมูลงานมูลค่าไม่ต่ำกว่า 7-8 พันล้านบาท อาทิ งานหม้อแปลงขนาดใหญ่ 300 MVA ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิต (กฟผ) มูลค่ารวม 1.8-2 พันล้านบาท, งานการไฟฟ้านครหลวง (กฟน) มูลค่ารวมกว่า 1.8 พันล้านบาท นอกจากนี้ การเปิดเขตการค้าเสรีอาเซียน ช่วยสร้างโอกาสให้บริษัทสามารถเข้ารับงานในตลาดเกิดใหม่มากขึ้น อาทิ อินโดนีเซีย เวียดนาม อินเดีย เนปาล และล่าสุดในตะวันออกกลาง ซึ่งจะช่วยหนุนให้รายได้ปี 2553 เพิ่มขึ้น 26% yoy เป็น 2,526 ล้านบาท และทำให้กำไรสุทธิในปี 2553 เติบโต 6% yoy เป็น 234 ล้านบาท SCRI แนะนำ ซื้อ 8.60 บาท/หุ้น
TPAC: สินค้าบรรจุภัณฑ์ของ TPAC ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินงานชีวิตในปัจจุบันและมีแนวโน้มเติบโตอย่างชัดเจน นอกจากนี้ การสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ๆและขยายฐานลูกค้าอย่างต่อเนื่อง หนุนให้รายได้ปี 2553 เติบโต 22% yoy ซึ่งสามารถชดเชยกับ GPM ปี 2553 ที่คาดจะลดลงจาก 22.15% ในปี 2552 เป็น 19.4% เนื่องจากราคาเม็ดพลาสติกที่คาดจะเริ่มขยับตัวสูงตามราคาน้ำมันในตลาดโลก และทำให้กำไรสุทธิปี 2553 ยังทรงตัวในระดับสูงที่ 115 ล้านบาท ดังนั้น ยังคงคำแนะนำ ซื้อ 11 บาท/หุ้น
TNDT: แม้ในช่วง Q1/53 จะเป็นช่วงรอยต่อของการเตรียมงานตรวจสอบ ซึ่งถือเป็นช่วงปกติที่เกิดขึ้นของธุรกิจการตรวจสอบแบบไม่ทำลาย ส่งผลให้บริษัทยังไม่สามารถรับรู้รายได้ของงานใหม่อย่างเต็มที่จนกว่าจะเริ่มกระบวนการตรวจสอบในช่วง 2H/53 อย่างไรก็ตาม การทยอยรับรู้งานอย่างสม่ำเสมอจากมูลค่างานในมือของบริษัทที่อยู่สูงกว่า 270 ล้านบาท คาดจะทำให้กำไรใน Q1/53 ยังเติบโตโดดเด่น 33% yoy จาก 11 ล้านบาทใน Q1/52 เป็น 15 ล้านบาท นอกจากนี้ การรับรู้จุดแข็งจากการมีพันธมิตรที่แข็งแกร่งอย่าง OCEANEERING ทำให้บริษัทสามารถรุกตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้น โดยล่าสุดอยู่ระหว่างการเจรจางาน ADVANCE NDT ที่ซูดานมูลค่ากว่า 10 ล้านบาท จะช่วยหนุนรายได้ปี 2553 เพิ่มขึ้น 19% เป็น 350 ล้านบาท ประกอบกับสำนักงานใหม่ที่ระยองที่เปิดดำเนินงานในช่วงต้นปี 2553 จะช่วยให้บริษัทมีต้นทุนการดำเนินงานที่ลดลง ผลักดันให้กำไรปี 2553 ปรับเพิ่มขึ้น 18% yoy เป็น 78 ล้านบาท SCRI ยังคงคำแนะนำ ซื้อ 6.60 บาท/หุ้น
QLT: แม้คาดกำไรสุทธิใน Q1/53 จะยังทรงตัวที่ 19 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน QLT มีงานในมือเพิ่มเติมที่อยู่ระหว่างรอการเซ็นสัญญาประมาณ 130 ล้านบาท นอกจากนี้ การขยายฐานลูกค้าต่อเนื่องโดยเฉพาะลูกค้าใหม่ในต่างประเทศแถบทวีปเอเชีย คาดจะช่วยหนุนให้รายได้ปี 2553 ของบริษัทเติบโต 13% yoy เป็น 313 ล้านบาท อีกทั้ง การเพิ่มสัดส่วนการตรวจสอบต่อการให้บริการ NDT จาก 60:40 เป็น 50:50 และการเพิ่มงาน Advance NDT จาก 3% เป็น 5% เนื่องจากในช่วงปีที่ผ่านมา ประกอบกับ ความเชี่ยวชาญของบุคลากรที่มีประสบการณ์ในการทำงานตรวจสอบ ส่งผลให้สามารถรับงานที่มีความหลากหลายและมีความซับซ้อนมากขึ้น คาดจะผลักดันให้ GPM ปี 2553 ปรับเพิ่มขึ้นจาก 38.68% ในปี 2552 เป็น 38.84% และส่งผลต่อเนื่องให้กำไรสุทธิปี 2553 ขยายตัวเป็น 80 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 70 ล้านบาท หรือเท่ากับ 14% yoy ดังนั้น แนะนำ ซื้อ ราคาเหมาะสม 7.60 บาท
ณ 9 เม.ย. 53