การจัดทดสอบครั้งนี้จะทำให้สิงเทลเป็นโอเปอเรเตอร์รายแรกในภูมิภาคที่ประสบความสำเร็จในการนำโครงข่ายโมบายบรอดแบรนด์ความเร็ว 42 Mbps มาใช้งาน และถึงแม้ว่ามีแผนจะเปิดให้บริการจริงในครึ่งปีหลัง แต่สิงเทลและอีริคสันก็จะเดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยีนี้โดยอาศัยศักยภาพของ LTE เพื่อช่วยเพิ่มความเร็วในการอัพโหลดและดาวน์โหลด อีกทั้งยังช่วยสนับสนุนการใช้แอพพลิเคชั่นรูปแบบต่างๆ บนโทรศัพท์มือถือที่ต้องใช้แบนด์วิธสูง ซึ่งยังไม่สามารถใช้งานบนความเร็วของโมบายบรอดแบรนด์ในปัจจุบันนี้ได้
เป้าหมายของการทดสอบ LTE ในครั้งนี้เพื่อแสดงศักยภาพของโครงข่ายให้กับบรรดาผู้ประกอบการต่างๆ อาทิ ผู้พัฒนาแอพพลิเคชั่น ผู้ให้บริการด้านคอนเทนท์ และผู้ผลิตเกมส์ ในการมีแนวทางที่จะคิดพัฒนาต่อยอดนวัตกรรมของสินค้าและบริการใหม่ๆ ต่อไป
นอกจากนี้อีริคสันและสิงเทลจะร่วมกันโชว์เทคโนโลยีอนาคต ที่เป็นอินเทอร์แอคทีฟมัลติมีเดีย ในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นแผนที่สามมิติเสมือนจริง การส่งข้อมูลประเภทเสียงผ่านเครือข่าย LTE การเล่นเกมส์ออนไลน์แบบมีผู้เล่นพร้อมกันหลายคนโดยใช้ระบบภาพความละเอียดสูง (ระบบภาพ HD) รวมถึงเทคโนโลยี AR (Augmented Reality) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการนำภาพจริงในโลกมาผสานเข้ากับข้อมูลในโลกออนไลน์
นายยูน กวน มูน (Mr Yuen Kuan Moon) กรรมการบริหารฝ่ายคอนซูเมอร์ของสิงเทล กล่าวว่า “การทดสอบครั้งนี้ จะทำให้เห็นว่ายังมีส่วนไหนในโลกโมบายบรอดแบรนด์ที่สามารถพัฒนาต่อไปได้อีก เรารู้สึกตื่นเต้นกับแอพพลิเคชั่นใหม่ๆ ที่ต้องใช้งานบนโครงข่ายอัลตร้าไฮสปีด อีกทั้งยังเป็นการขยายขีดความสามารถของโครงข่ายมือถือที่ต้องเพิ่มแบนด์วิธให้มากขึ้นตามความต้องการของผู้ใช้งาน”
"เทคโนโลยี LTE จะทำให้ไลฟ์สไตล์ในการใช้บริการมัลติมีเดียบนมือถือนั้นสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น และใช้งานได้คล่องแคล่วมากกว่าเดิม รวมทั้งยังช่วยให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงบริการ 3D และ HD ไปพร้อมๆ กัน ขณะนี้สิงเทลกำลังทำงานร่วมกับทีมพัฒนาแอพพลิเคชั่นบนมือถืออย่างใกล้ชิด เพื่อปลุกปั้นให้ไอเดียต่างๆ นั้นเกิดขึ้นได้จริง” นายมูนกล่าวเพิ่มเติม
นายฟาดิ ฟาราออน (Mr Fadi Pharaon) ประธานและผู้จัดการภูมิภาค อีริคสัน ประจำสิงคโปร์ และบรูไน กล่าวว่า “ผลงานในวันนี้นับเป็นตัวอย่างที่เห็นได้ชัดว่า LTE ช่วยให้ไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้งานทั่วไป และนักธุรกิจนั้นสมบูรณ์แบบมากขึ้นกว่าเดิมได้อย่างไร อีริคสันมีความภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของ การทดสอบเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดนี้ และเราจะใช้ความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีและบริการโทรคมนาคมมาสนับสนุนให้สิงเทลสามารถนำเสนอบริการที่มีคุณภาพสูงขึ้น และมีความหลากหลายมากขึ้นให้กับลูกค้าของพวกเขา”
โครงข่ายโมบายบรอดแบรนด์ของสิงเทลนั้นจะทำการอัพเกรดอย่างต่อเนื่องในช่วง 12-24 เดือนนี้เพื่อเตรียมรองรับเทคโนโลยี LTE และวางแผนเปิดใช้งานเชิงพาณิชย์ทันทีที่คลื่นความถี่และอุปกรณ์มือถือ เปิดให้ใช้งานได้จริง
นอกจากนี้กลุ่มลูกค้าองค์กรยังจะได้ใช้แอพพลิเคชั่นแบบ M2M (machine-to-machine) และแบบมัลติมีเดียที่สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ ด้วยการทำงานแบบคลาวด์คอมพิวติ้งนี้ (cloud computing) ลูกค้าองค์กรจะสามารถใช้เทคโนโลยี LTE และใช้รีโมทเซิฟเวอร์เป็นศูนย์กลางการจัดเก็บข้อมูล และแอพพลิเคชั่นที่เป็นริชมัลติมีเดียได้ ซึ่งผู้ใช้แต่ละคนสามารถที่จะเชื่อมต่อเข้ามาดูข้อมูลได้ทุกเวลา เช่นเดียวกับซอฟท์แวร์ขององค์กรที่ไม่จำเป็นต้องนำมาติดตั้งบนเครื่องของแต่ละคน และยังนำข้อมูลมาจัดเก็บ (archive) ได้ดีกว่าเดิม นับเป็นการช่วยลดค่าใช้จ่าย ลดขั้นตอนดำเนินการ และแบนด์วิธที่ใช้ให้กับลูกค้าได้
ตัวอย่างแอพพลิเคชั่นล่าสุดที่ใช้งานบนโครงข่ายโมบายบรอดแบรนด์
1) คอนเทนท์แบบ 3 มิติ และการชมวิดีทัศน์ความละเอียดสูง (HD)
ด้วยความเร็วในการเชื่อมต่อที่เพิ่มขึ้น ผู้ใช้สามารถใช้บริการแบบเรียลไทม์ต่างๆ ได้ อาทิ โปรแกรมการดูสภาพจราจร ที่ช่วยให้เห็นถนนแต่ละเส้น การจราจรแต่ละพื้นที่แบบทันต่อเหตุการณ์ หรือแม้กระทั่งสภาพดินฟ้าอากาศที่สิงคโปร์ในรูปแบบ HD บนอุปกรณ์ที่รองรับเทคโนโลยี LTE ผู้ขับขี่ยังสามารถใช้อุปกรณ์ดังกล่าวมาช่วยวางแผนการเดินทางหรือใช้เป็นอุปกรณ์นำทางในตัวเมืองโดยดูจากแผนที่ที่มีระบบบอกตำแหน่งและแสดงผลแบบ 3D (LBS Map)
นอกจากนี้นักศึกษายังใช้ประโยชน์จากการชมวิดีทัศน์ HD เช่น วิดีโอบันทึกการสอน และแชร์ข้อมูลไปพร้อมๆกันได้ โดยผ่านอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง
2) เทคโนโลยีโลกเสมือนจริง /โปรแกรมจำลองโลกเสมือนจริง (Augmented Reality - AR)
ด้วยความสามารถของโมบายบรอดแบรนด์ความเร็วสูงจะช่วยให้ผู้ใช้สามารถใช้เทคโนโลยี AR มาดูข้อมูลเพิ่มเติมของสถานที่หรือสิ่งของที่ต้องการได้ ตัวอย่างเช่น การใช้อุปกรณ์มือถือโฟกัสไปที่จุดใดจุดหนึ่ง เพื่อให้ข้อมูล ภาพดิจิตอลจำลองหรือเว็บลิงค์ปรากฏขึ้นบนหน้าจอของอุปกรณ์นั้นได้พร้อมๆกัน