ธารน้ำแข็งหนาปากปล่อง เหตุภูเขาไฟไอซ์แลนด์ระเบิดรุนแรง

พฤหัส ๒๒ เมษายน ๒๐๑๐ ๑๔:๐๕
จากเหตุการณ์ภูเขาไฟระเบิดในประเทศไอซ์แลนด์ ที่ได้ก่อให้เกิดเถ้าภูเขาไฟฟุ้งกระจายเป็นบริเวณกว้างในแถบยุโรปตะวันตก สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจและธุรกิจการบินอย่างมากใช่วงที่ผ่านมานั้น ในส่วนของนักวิชาการไทย รศ.ดร.ปัญญา จารุศิริ หัวหน้าหน่วยวิจัยธรณีวิทยาแผ่นดินไหวและธรณีแปรสัณฐาน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า ตามหลักทฤษฎีทางธรณีวิทยา โดยเฉพาะการแปรสัณฐานเปลือกโลกแล้วภูเขาไฟในบริเวณไอซ์แลนด์ไม่ควรระเบิดรุนแรงขนาดนี้ แต่ว่าในกรณีนี้เป็นภูเขาไฟใต้ธารน้ำแข็ง คือมีชั้นน้ำแข็งหนาปิดทับอยู่ด้านบน ทำให้เกิดการสะสมของพลังงานมาก จึงเกิดการระเบิดอย่างรุนแรง

“ภูเขาไฟแบ่งได้ง่ายๆ 2 แบบ คือ 1.ภูเขาไฟที่ระเบิดรุนแรง เช่น ภูเขาไฟกรากะตัว ประเทศอินโดนีเซีย ภูเขาไฟเซนท์เฮเลน ในอเมริกาซึ่งเป็นภูเขาไฟที่เกิดจากแผ่นเปลือกโลกเคลื่อนที่มาชนกันหรือมุดเข้าหากัน และ 2.ภูเขาไฟที่ระเบิดไม่รุนแรง เช่น ภูเขาไฟไอซ์แลนด์ เพราะเป็นภูเขาไฟที่เกิดในบริเวณที่แผ่นเปลือกโลกแยกตัวออกจากกัน หรือเกิดจากการปะทุขึ้นมาของจุดร้อน (hot spot) ใต้โลก เช่น ภูเขาไฟฮาวาย แต่สำหรับการระเบิดของภูเขาไฟในประเทศไอซ์แลนด์ครั้งนี้ ถือเป็นกรณีพิเศษ คือ เป็นภูเขาไฟที่อยู่ใต้ธารน้ำแข็งไอย์ยาฟยัลลาโยกูลมีชั้นน้ำแข็งที่หนามากมาปิดทับปล่องด้านบนอยู่ จึงทำให้เกิดการสะสมพลังงานความร้อนและแรงดันจำนวนมหาศาลอยู่ภายใน กระทั่งวันหนึ่งเมื่อพลังงานที่สะสมใต้โลกมีมากจนเกินรับไหว จึงเกิดแรงดันจนน้ำแข็งที่ปิดทับอยู่ถูกดันให้แตกออกจนเกิดการระเบิดอย่างรุนแรง เถ้าถ่านร้อนที่อยู่ในหินละลายลาวาก็ฟุ้งกระจายไปทั่ว นอกจากนี้แรงดันและพลังงานความร้อนที่ปะทุออกมายังมีผลทำให้น้ำแข็งบริเวณรอยแยกกลางเกาะไอซ์แลนด์ละลายอย่างรุนแรงและรวดเร็ว ซึ่งเมื่อน้ำแข็งและน้ำเย็นไหลมาผสมกับหินละลาย ก็ก่อให้เกิดเถ้าภูเขาไฟจำนวนมาก โดยเถ้าภูเขาไฟขนาดใหญ่จะฟุ้งกระจายไม่นานและตกลงในมหาสมุทร ขณะที่เถ้าภูเขาไฟขนาดเล็กจะฟุ้งและเคลื่อนตัวไปได้ไกลมาก อย่างไรก็ดีการระเบิดของภูเขาไฟในไอซ์แลนด์ในครั้งนี้ด้วยอิทธิพลของลมที่เคลื่อนที่ไปทางทิศตะวันออกทำให้เถ้าภูเขาไฟถูกพัดฟุ้งกระจายไปทางทิศตะวันออกเป็นส่วนใหญ่ เป็นเหตุให้หลายประเทศในแถบยุโรปตะวันตกได้รับผลกระทบค่อนข้างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจการบิน เพราะเถ้าเหล่านี้ไม่เพียงทำลายทัศนวิสัย แต่ยังมีผลให้เครื่องจักรต่างๆ ในเครื่องบินเสียหายด้วย”

ดร.ปัญญา กล่าวว่า ทุกวันนี้นักธรณีวิทยาบอกได้เพียงว่ามีภูเขาไฟที่ยังปะทุอยู่ที่บริเวณใดบ้าง แต่ยังไม่มีเทคโนโลยีใดที่จะสามารถทำนายอย่างถูกต้องแม่นยำว่าภูเขาไฟจะระเบิดเมื่อใด ส่วนภูเขาไฟในประเทศไทยเป็นชนิดที่ดับสนิทตั้งแต่เมื่อห้าแสนปีที่แล้ว จึงไม่ต้องกังวลใจ แต่สิ่งที่ต้องพึงระวังไว้คือภัยจากแผ่นดินไหวและฝุ่นควันที่ฟุ้งกระจาย เช่นภูเขาไฟละแวกใกล้เคียงที่ต้องจับตามอง อาทิ ภูเขาไฟกรากะตัว ประเทศอินโดนีเซีย ที่เคยระเบิดเมื่อ 20 พฤษภาคม พ.ศ.2426 ซึ่งครั้งนั้นประเทศไทยได้รับผลกระทบจากเถ้าถ่านภูเขาไฟที่ปะทุออกมาด้วยเช่นกัน 22/04/53

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๒๑ 60 ปีแห่งความมุ่งมั่น! คาโอ คว้ารางวัลอุตสาหกรรมดีเด่น 2 ประเภทในปี 2567 ชูความสำเร็จด้านสิ่งแวดล้อมและความรับผิดชอบต่อสังคม
๑๗:๒๓ AVATR ก้าวสู่ความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่! ระดมทุนในรอบ Series C ได้มากกว่า 11,000 ล้านหยวน พร้อมก้าวสู่ความเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าหรูหราแห่งอนาคต
๑๗:๐๖ Zoom เปิด 10 เทรนด์ ใช้ AI ในการทำงานปี 2568
๑๗:๑๐ เปิดมุมมองอาชีพที่หลากหลายในอุตสาหกรรมกาแฟไทย เจาะลึกบทบาทและแนวทางยกระดับสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
๑๗:๑๔ อนาคตแห่งการเดินทาง: 5 คนขับ AI จากแอปเรียกรถ Maxim
๑๗:๕๕ Well-Being House บ้านชั้นเดียวเอาใจคนวัยเกษียณ
๑๗:๑๖ กทม. แจงเปิดกว้างการแข่งขันโครงการเช่าคอมพิวเตอร์พกพาสำหรับนักเรียน
๑๖:๓๗ รายงาน Ericsson Mobility Report ฉบับล่าสุด เผยผู้เริ่มให้บริการ 5G กลุ่มแรกกำลังมุ่งสู่โมเดลธุรกิจที่เน้นประสิทธิภาพ
๑๗:๒๕ เมดีซ กรุ๊ป ร่วมสมทบทุนสนับสนุนมูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช ช่วยผู้ป่วยในชนบท ถิ่นทุรกันดารที่ห่างไกล
๑๖:๔๔ CNN จับตา นวัตกรรมล่าสุดจากนักวิจัยไทย พลิกโฉมการตรวจคัดกรองความเครียดด้วย เหงื่อ