ธนาคารขอเรียนว่า ธนาคารได้เตรียมเงินไว้พร้อมแล้วที่จะปฏิบัติตามคำสั่งของศาลฎีกาและตามคำขอของกรมบัญชีกลาง แต่การที่ยังไม่สามารถดำเนินการได้ในทันที เนื่องจากกรณีนี้เป็นเรื่องใหม่ซึ่งไม่มีตัวอย่างมาก่อน และกรณีของธนาคารมีความซับซ้อน ในแง่กฎหมายเป็นพิเศษแตกต่างจากธนาคารอื่น กล่าวคือ บัญชีเงินฝากของบุคคลในครอบครัวชินวัตรที่ถูกบังคับตามคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในส่วนที่อยู่กับธนาคาร ถูกคำสั่งอายัดของกรมสรรพากรถึง 2 ครั้งด้วยกัน โดยการอายัดครั้งที่ 1 เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2550 และขณะนี้เรื่องอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองสูงสุด ส่วนการอายัดครั้งที่ 2 เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2553 ซึ่งเป็นวันอ่านคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของ ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ดังนั้น จึงเกิดเป็นประเด็นความไม่ชัดเจนในข้อกฏหมายและวิธีปฏิบัติสำหรับธนาคาร
ธนาคารขอเรียนเพิ่มเติมว่า ธนาคารไม่ได้นิ่งนอนใจและได้ประสานงานกับผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงการคลังมาโดยตลอด เพื่อให้ธนาคารสามารถนำส่งเงินได้อย่างถูกต้องตามกฏหมายโดยไม่ล่าช้า ซึ่งรวมถึงการเรียนขอให้ทางกระทรวงการคลังพิจารณาเพิกถอนคำสั่งอายัดของกรมสรรพากร และ ถอนคดีในศาลปกครองสูงสุด แต่ ณ ขณะนี้ ทางกระทรวงการคลังยังยืนยันที่จะไม่ เพิกถอนจากข้างต้น ธนาคารจึงมีความจำเป็นที่จะต้องหาความกระจ่างในข้อกฏหมายและวิธีดำเนินการที่ถูกต้องสำหรับธนาคาร และเนื่องจากเรื่องดังกล่าวมีความซับซ้อนเป็นพิเศษในแง่กฎหมายซึ่งธนาคารไม่สามารถพิจารณาโดยลำพังได้ ธนาคารจึงได้มีการ 1) ทำคำร้องถึงศาลปกครองสูงสุดเพื่อให้จำหน่ายคดีที่ธนาคารมีกรณีพิพาทกับกรมสรรพากรเกี่ยวกับคำสั่งอายัดของกรมสรรพากร 2) ทำหนังสือหารือถึงศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพื่อขอความชัดเจนว่าธนาคารควรจะต้องดำเนินการอย่างไรจึงจะถือว่าเป็นการปฏิบัติตามคำพิพากษาโดยถูกต้องตามกฎหมาย
ทั้งนี้ เมื่อธนาคารได้รับคำวินิจฉัยจากศาลปกครองสูงสุดและศาลฎีกาแล้ว ธนาคารพร้อมที่จะปฏิบัติตามและทำการโอนเงินให้ทันที ซึ่งการให้ความร่วมมือกับทางราชการเป็นนโยบายและแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจนที่คณะกรรมการธนาคารและผู้บริหารธนาคารยึดถือมาโดยตลอด
ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)
สื่อสารองค์กร
โทร 02-544-4502, Email: [email protected]