สืบเนื่องจากเหตุการณ์ภูเขาไฟระเบิด จนทำให้มีการปิดน่านฟ้าในทวีปยุโรป ส่งผลให้ผู้โดยสารจำนวนหนึ่งยกเลิกแผนการเดินทาง และจากสถานการณ์ความไม่สงบทางการเมืองภายในประเทศ ทำให้ 47 ประเทศทั่วโลกได้ออก Travel Warning เพื่อเตือนนักท่องเที่ยวให้หลีกเลี่ยงการเดินทาง เข้ามายังประเทศไทย ประกอบกับในเดือนพฤษภาคมและมิถุนายนของทุกปีเป็นช่วง Low Season ซึ่งมีความต้องการเดินทางน้อย จึงคาดว่าจำนวนผู้โดยสารในช่วงนี้จะลดลงอย่างมาก โดยในเดือนเมษายน 2553 ที่ผ่านมา มีปริมาณการขนส่งผู้โดยสาร (Cabin Factor) เฉลี่ยร้อยละ 72.16 ดังนั้น เพื่อให้สอดคล้องกับสภาวการณ์ในปัจจุบัน บริษัทฯ จึงจำเป็นต้องปรับแผนและแนวทางการตลาด ดังนี้
1. การปรับลดเที่ยวบินและเปลี่ยนแบบเครื่องบินให้สอดคล้องกับความต้องการเดินทาง ที่ลดลง โดยพิจารณาจากเส้นทางบินที่มี Cabin Factor ต่ำ ดังนี้
กรุงเทพฯ — เอเธนส์
- ปรับลดความถี่และเปลี่ยนแบบเครื่องบินของเส้นทาง ไป-กลับ กรุงเทพฯ — เอเธนส์ จากเดิมทำการบิน 4 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ด้วยเครื่องบินแบบโบอิ้ง 777-300 เหลือ ทำการบิน 3 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ด้วยเครื่องบินแบบ โบอิ้ง 777-200ER ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2553
กรุงเทพฯ — มุมไบ
- ปรับลดเที่ยวบิน เส้นทางไป-กลับ กรุงเทพฯ — มุมไบ จากเดิมทำการบิน 10 เที่ยวบิน ต่อสัปดาห์ เหลือจำนวน 7 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคม 2553
- เปลี่ยนแบบเครื่องบินให้มีขนาดใหญ่ใน เส้นทาง ไป-กลับ กรุงเทพฯ - มุมไบ เที่ยวบินที่ ทีจี 317 และทีจี 318 ทำการบินด้วย เครื่องบินแบบโบอิ้ง 777-300 แทน เครื่องบิน แบบโบอิ้ง 777-200 ตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคม 2553
กรุงเทพฯ — เดลี
เปลี่ยนแบบเครื่องบิน เส้นทาง ไป-กลับ กรุงเทพฯ — เดลี เที่ยวบินที่ ทีจี 315 และทีจี 316 ทำการบินด้วย เครื่องบินแบบโบอิ้ง 777-200 แทน เครื่องบินแบบโบอิ้ง 777-300 ตั้งแต่ วันที่ 16 พฤษภาคม 2553
กรุงเทพฯ - ดูไบ
- ปรับเปลี่ยนแบบเครื่องบินในเส้นทาง ไป-กลับ กรุงเทพฯ — ดูไบ เที่ยวบินที่ ทีจี 517 และทีจี 518 ทำการบินด้วยเครื่อบินแบบโบอิ้ง 777-200 แทนเครื่องบินแบบแอร์บัส 340-600
2. การปรับเปลี่ยนเที่ยวบิน โดยใช้กรุงเทพฯ เป็นทางผ่าน
- มุ่งเน้นเครือข่ายเส้นทางบินระหว่าง จาการ์ต้า-ยุโรป ผ่านกรุงเทพฯ และเพิ่มทำการบิน เส้นทาง ไป-กลับ กรุงเทพฯ — จาการ์ต้า อีก 7 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ รวมเป็น 14 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ โดยให้เดินทางถึงกรุงเทพฯ ในเวลาที่สามารถต่อเครื่องไปยังยุโรปได้โดยไม่ต้องรอนาน ซึ่งสามารถรับ-ส่งผู้โดยสารที่ต้องการเดินทางระหว่างจาการ์ต้า — อินเดีย ผ่านกรุงเทพฯ ได้อีกด้วย
- มุ่งเน้นเครือข่ายเส้นทางบินระหว่างยุโรป — บาหลี ผ่านกรุงเทพฯ โดยปรับเวลา และเปลี่ยนแปลงแบบของเครื่องบิน รวมทั้งปรับเวลาให้ออกเดินทางจากกรุงเทพฯ เร็วขึ้น สามารถรับผู้โดยสารจากยุโรปได้ดีขึ้น และ Turnaround กลับเลยโดยไม่ต้องจอดเครื่องบินนาน พร้อมทั้งเพิ่มเที่ยวบิน เส้นทางไป-กลับ กรุงเทพฯ — บาหลี อีก 7 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ รวมเป็น 14 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ โดยให้เดินทางกลับถึงกรุงเทพฯ ในเวลาที่สามารถ ต่อเครื่องไปยังยุโรปได้โดยไม่ต้องรอนาน ซึ่งสามารถรับ-ส่งผู้โดยสารที่ต้องการเดินทางระหว่าง บาหลี — อินเดีย ผ่านกรุงเทพฯ ได้อีกด้วย
3. การปรับเปลี่ยนเที่ยวบินสู่ทวีปออสเตรเลีย
- ทำการบินเส้นทาง ไป-กลับ กรุงเทพฯ — ซิดนีย์ จำนวน 14 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ด้วย เครื่องบินแบบแอร์บัส 340-600 โดยมีเที่ยวบินเชื่อมต่อเที่ยวบินยุโรป และอินเดีย
- ยกเลิกเที่ยวบิน กรุงเทพฯ — ซิดนีย์ — บริสเบน — กรุงเทพฯ เป็นการชั่วคราว
- เพิ่มการทำการบิน เส้นทาง ไป-กลับ บินตรง กรุงเทพฯ — บริสเบน เป็น 5 เที่ยวบิน ต่อสัปดาห์ จากเดิมทำการบิน 3 เที่ยวบินต่อสัปดาห์
- เพิ่มการทำการบิน เส้นทาง ไป-กลับ กรุงเทพฯ — โอ๊คแลนด์ เป็น 5 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ จากเดิมทำการบิน 4 เที่ยวบินต่อสัปดาห์
อนึ่ง การปรับเปลี่ยนตารางการบินดังกล่าว อาจจะต้องมีการปรับปรุงแผนเป็นระยะๆ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริง
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้จัดโปรโมชั่นจำหน่ายบัตรโดยสารราคาพิเศษในเส้นทางไป-กลับ ภายในประเทศ ทั้งชั้นธุรกิจ และชั้นประหยัด ในเส้นทาง ไป-กลับ กรุงเทพฯ —เชียงใหม่ กรุงเทพฯ —เชียงราย กรุงเทพฯ —ขอนแก่น กรุงเทพฯ —อุดรธานี กรุงเทพฯ —อุบลราชธานี กรุงเทพฯ —กระบี่ กรุงเทพฯ —ภูเก็ต กรุงเทพฯ —สุราษฎร์ธานี กรุงเทพฯ —สมุย กรุงเทพฯ —หาดใหญ่ และเส้นทางเชียงใหม่—ภูเก็ต โดยออกบัตรโดยสารได้ตั้งแต่วันที่ 1 - 31 พฤษภาคม 2553 และสามารถ ใช้บัตรโดยสารเดินทางได้ระหว่าง วันที่ 1 พฤษภาคม ถึง 30 มิถุนายน 2553