นายอนุชา โมกขะเวส อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เปิดเผยว่า จากการประสานข้อมูลสถานการณ์น้ำกับกรมชลประทาน พบว่า อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ในพื้นที่เขตลุ่มน้ำเจ้าพระยา โดยเฉพาะเขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์มีปริมาณน้ำลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลมาจากสถานการณ์ภัยแล้งที่มีความรุนแรงมากกว่าปีที่ผ่านมา ส่งผลให้การใช้น้ำไม่เป็นไปตามแผนการจัดสรรน้ำที่กำหนดไว้ ๘,๐๐๐ ล้านลูกบาศก์เมตร โดยมีการใช้น้ำไปแล้ว ๑๐,๒๙๐ ล้านลูกบาศก์เมตร เกินกว่าแผนการจัดสรรน้ำ ๒,๒๙๐ ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดภาวะขาดแคลนน้ำอุปโภค บริโภค และเพื่อการเกษตรในช่วงรอยต่อปลายฤดูร้อนเข้าสู่ฤดูฝน อย่างไรก็ตามแม้ในระยะนี้มีฝนตกในหลายพื้นที่ แต่ปริมาณน้ำยังไม่มากพอที่จะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนจากปัญหาภัยแล้งได้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จึงขอเตือนประชาชนให้เตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์การขาดแคลนน้ำอุปโภค บริโภค และ เพื่อการเกษตรในช่วงรอยต่อปลายฤดูร้อนเข้าสู่ฤดูฝน โดยจัดเตรียมและตรวจสอบภาชนะเก็บน้ำให้อยู่สภาพใช้งานได้ดี
หากพบภาชนะเก็บน้ำชำรุดให้ซ่อมแซมทันที เพื่อเก็บสำรองน้ำไว้ใช้ในช่วงที่ขาดแคลน พร้อมแนะประชาชนให้ใช้น้ำอย่างประหยัด สำหรับเกษตรกรควรเลือกปลูกพืชให้เหมาะสมกับสถานการณ์น้ำในพื้นที่ โดยติดตามพยากรณ์อากาศและสถานการณ์น้ำในพื้นที่อย่างใกล้ชิด เพราะจากการคาดการณ์ พบว่า ปีนี้อาจเกิดภาวะฝนทิ้งช่วงยาวนานกว่าทุกปี รวมถึงหลีกเลี่ยงการทำนาปรังครั้งที่สอง เนื่องจากกรมชลประทานมีปริมาณน้ำไม่เพียงพอที่จะจัดสรรน้ำสำหรับการทำนาปรังครั้งที่สองได้ สุดท้ายนี้ หากประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ภัยแล้ง สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย ๑๗๘๔ ตลอด ๒๔ ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 0-2243-2200 ฝ่ายประชาสัมพันธ์ กรมปภ.