SCB EIC ชี้การแสวงหาโอกาสทางธุรกิจในกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านต้องพิจารณาเฉพาะด้านที่สำคัญไม่ควรนิ่งนอนใจ ก่อนจะถูกประเทศอื่นแซงหน้าไปมากกว่านี้

พุธ ๑๒ พฤษภาคม ๒๐๑๐ ๑๒:๑๗
ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ และ Chief Economist ธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า จากความคืบหน้าของการเจรจาภายใต้ข้อตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน (ASEAN Free Trade Area: AFTA) และการดำเนินการเพื่อมุ่งไปสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ ASEAN Economic Community (AEC) ทำให้เกิดโอกาสทางธุรกิจในการเลือกแหล่งผลิตและตลาดส่งออกได้อย่างเสรีมากขึ้นภายในภูมิภาค ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB Economic Intelligence Center: SCB EIC) จึงได้วิเคราะห์ในเชิงลึกถึงโอกาสของไทยในประเทศเพื่อนบ้านในลุ่มแม่น้ำโขง ได้แก่ กัมพูชา สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) พม่า และเวียดนาม หรือที่รู้จักกันในชื่อกลุ่มประเทศ CLMV ทั้งนี้พบว่าการแสวงหาโอกาสทางธุรกิจในกลุ่มประเทศนี้ จำเป็นต้องพิจารณาลงไปเฉพาะด้าน เนื่องจากเศรษฐกิจยังมีขนาดเล็ก และมีความเสี่ยงสูงด้านมหภาค อย่างไรก็ตามเราไม่ควรนิ่งนอนใจ หรือปล่อยให้ประเทศคู่แข่งอื่นๆ แซงหน้าไป

“เราพบว่ามีโอกาสทางธุรกิจในกลุ่มประเทศ CLMV แต่ก็ยังไม่มากนัก เนื่องจากเศรษฐกิจโดยรวมยังมีขนาดเล็ก แม้แต่เวียดนามที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในกลุ่มก็ยังมีขนาดเศรษฐกิจเพียงหนึ่งในสามของไทย ส่วนขนาดเศรษฐกิจของกัมพูชานั้นยังเล็กกว่าของจังหวัดชลบุรี ขณะที่ขนาดเศรษฐกิจของสปป.ลาวก็เล็กกว่าของจังหวัดปทุมธานี”

ดร. เศรษฐพุฒิกล่าว

เราจึงต้องพิจารณาถึงโอกาสที่แตกต่างกันทั้งในด้านการเติบโตของเศรษฐกิจ โครงสร้างประชากรและกลุ่มรายได้ ตลอดจนทิศทางของรูปแบบการบริโภคที่ในแต่ละประเทศไม่เหมือนกัน ซึ่งย่อมมีผลต่อความต้องการสินค้าและบริการ จากการจำลองรูปแบบการบริโภคของ SCB EIC พบว่าในอีก 10 ปีข้างหน้า เวียดนามจะมีกลุ่มประชากรที่มีรายได้ปานกลางระดับล่างขยายตัวอย่างก้าวกระโดดจากเกือบ 3% เป็นประมาณ 12% ดังนั้น การบริโภคที่ผูกติดกับระดับรายได้ของคนกลุ่มนี้จึงน่าจะเติบโตสูงที่สุด สำหรับตัวอย่างอื่นๆ ของธุรกิจที่น่าจะตอบสนองการเปลี่ยนแปลงของประชากรและอำนาจซื้อที่เพิ่มขึ้น ได้แก่ ธุรกิจด้านอินเตอร์เน็ตในกัมพูชาและโทรศัพท์มือถือในพม่า เป็นต้น นอกจากนี้ หากเขตการค้าเสรีอาเซียน (AFTA) มีผลบังคับใช้อย่างสมบูรณ์ จะนำไปสู่โอกาสการส่งออกผลไม้กระป๋อง เครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ และรถมอเตอร์ไซค์ ซึ่งจะได้รับสิทธิประโยชน์ด้านภาษีนำเข้า

สำหรับด้านการผลิต การย้ายฐานเพื่อลดต้นทุนก็อาจทำได้ จากการประเมินตัวอย่างกิจการผลิตเสื้อผ้าแห่งหนึ่งของไทย พบว่าหากบริษัทดังกล่าวย้ายฐานการผลิตไปยังเวียดนามจะมีกำไรเพิ่มขึ้นประมาณ 30% ด้วยต้นทุนแรงงานที่ต่ำกว่า นอกจากนี้ ยังมีโอกาสใช้ความเชี่ยวชาญของผู้ประกอบการไทยในธุรกิจท่องเที่ยวในทุกประเทศกลุ่ม CLMV โดยเห็นได้จากอัตราการเติบโตของนักท่องเที่ยวเฉลี่ยสะสมในช่วงปี 2004-2008 ของกัมพูชาและสปป.ลาวอยู่ที่ 19% และ 34% ต่อปี เทียบกับของไทยที่เติบโตเพียง 6%

แม้ไทยจะมีบทบาทสำคัญทางการค้าและการลงทุนในกลุ่มประเทศ CLMV โดยส่งออกผลิตภัณฑ์น้ำมัน เครื่องมือเครื่องจักร และยานยนต์สูงเป็นลำดับต้น ๆ ในประเทศ CLMV และเป็นแหล่งสินค้านำเข้าที่สูงที่สุด ของกัมพูชาและสปป.ลาว อีกทั้งมีบทบาทการลงทุนโดยตรงในสปป.ลาว และพม่า “แต่บทบาทของไทยได้ถูกหลายประเทศแซงหน้าไปแล้ว เช่น มาเลเซียมีสัดส่วนการลงทุนโดยตรงในเวียดนามสูงกว่าไทยเกือบ 4 เท่าในปี 2008 ขณะเดียวกันนักลงทุนจากเวียดนามซึ่งเดิมแทบไม่มีบทบาทในกัมพูชา แต่ปัจจุบันก็แซงหน้าไทยไปแล้วเช่นกัน เราจึงไม่ควรนิ่งนอนใจว่าคู่แข่งของเรามีเพียงบริษัทท้องถิ่น” การแข่งขันที่สูงมากในปัจจุบัน ทำให้ต้องตระหนักถึงโอกาสและศักยภาพของประเทศเพื่อนบ้าน แทนที่จะปล่อยให้ประเทศผู้ลงทุนอื่นๆ แซงหน้าไปอย่างน่าเสียดาย

อย่างไรก็ตามยังคงมีความท้าทายในการลงทุนในประเทศเหล่านี้ แม้แต่เวียดนามซึ่งมีอันดับดีที่สุดในกลุ่มประเทศ CLMV ในแง่ของ “ความสะดวกในการทำธุรกิจ” จากข้อมูลของธนาคารโลกและบรรษัทเงินทุนระหว่างประเทศ แต่ก็ยังถือว่ามีอันดับรวมที่ต่ำคือ อันดับที่ 93 จากทั้งหมด 183 ประเทศ ยิ่งไปกว่านั้นในด้าน “การคุ้มครองนักลงทุน” เวียดนามก็จัดอยู่ในอันดับท้ายๆ คืออันดับที่ 172 ในขณะที่สปป.ลาว ครองอันดับรองสุดท้ายคืออันดับที่ 182 นอกจากนี้ในทุกประเทศยังคงมีความเสี่ยงสูงด้านเศรษฐกิจมหภาค ดังจะเห็นได้จากดัชนีชี้วัดสำคัญต่างๆ เช่น การขาดดุลบัญชีเดินสะพัดในระดับที่สูงมาก ไล่จากสปป.ลาว ที่ -6.6% ของ GDP ไปจนถึง -11.5% และฐานะการคลังที่อ่อนแอจากการขาดดุลงบประมาณสูง เช่น กัมพูชา (-6.0% ของ GDP) และเวียดนาม (-9.7% ของ GDP)” ดร.เศรษฐพุฒิกล่าวสรุป

ติดตามรายละเอียดการวิเคราะห์เชิงลึกเพิ่มเติมได้ใน SCB Insight เรื่อง “โอกาสสำหรับธุรกิจไทยในประเทศเพื่อนบ้านอยู่ที่ไหนบ้าง" สอบถามได้ที่ SCB EIC คุณพิณัฐฐา อรุณทัต โทร.0-2544-2953 อีเมล [email protected]

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๓๑ ม.ค. รู้จักโรคอ้วนดีแล้ว.จริงหรือ?
๓๑ ม.ค. บมจ.ไทยเซ็นทรัลเคมี ร่วมกับ MBK ส่งมอบปฏิทินในกิจกรรม ปฏิทินเก่ามีค่า เราขอ
๓๑ ม.ค. BSRC ออกหุ้นกู้รอบใหม่ 8,000 ล้านบาท ยอดจองเกินเป้า ตอกย้ำความเชื่อมั่นของผู้ลงทุน
๓๑ ม.ค. คปภ. ร่วมสัมมนาประกันภัย ครั้งที่ 29 เตรียมรับมือความเสี่ยงอุบัติใหม่ พลิกโฉมธุรกิจประกันภัยสู่ความท้าทายในอนาคต
๓๑ ม.ค. มอบของขวัญให้กับครอบครัวของคุณช่วงวันหยุดพิเศษที่ สเตย์บริดจ์ สวีท แบงค็อก สุขุมวิท
๓๑ ม.ค. OR เปิดตัว CEO คนใหม่ หม่อมหลวงปีกทอง ทองใหญ่ มุ่งผลักดันไทยสู่ Oil Hub แห่งภูมิภาค พร้อมขับเคลื่อนองค์กรด้วยดิจิทัล-นวัตกรรม
๓๑ ม.ค. เดลต้า ประเทศไทย คว้ารางวัล ASEAN's Top Corporate Brand ประจำปี 2567
๓๑ ม.ค. โรงแรมอลอฟท์ กรุงเทพ สุขุมวิท 11 พลิกโฉมใหม่ สุดโมเดิร์น! พร้อมเปิดตัว w xyz bar ตอกย้ำความสนุกในแบบฉบับ
๓๑ ม.ค. PAUL JOE เปิดตัว GLOSSY ROUGE ต้อนรับฤดูใบไม้ผลิ 2025
๓๑ ม.ค. บริษัท โกซอฟท์ (ประเทศไทย) ได้รับเกียรติบัตรศูนย์ รับเรื่องและแก้ไขปัญหาให้กับผู้บริโภคระดับดีเด่น จาก สคบ. และการรับรองมาตรฐาน ISO