ร้อยโทนพดล พันธุ์กระวี รักษาการผู้จัดการทั่วไป บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เปิดเผยว่า จากการที่คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 27 เมษายน 2553 อนุมัติให้ บสย. ดำเนินโครงการ Portfolio Guarantee Scheme ระยะที่ 2 ในวงเงิน 30,000 ล้านบาท โดยผ่อนปรนคิดค่าธรรมเนียมปีแรกร้อยละ 0.75 สำหรับผู้ประกอบการ SMEs ที่ยื่นคำขอให้ บสย. ค้ำประกันสินเชื่อภายใน 31 ธันวาคม 2553 ซึ่งในขณะนี้มีธนาคารต่าง ๆ ให้ความสนใจใช้บริการค้ำประกันสินเชื่อในโครงการ Portfolio Guarantee ระยะที่ 2และมีธนาคารที่ลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MoU) ไปแล้วรวมทั้งสิ้น 7 สถาบัน แบ่งเป็น ธนาคารพาณิชย์ 6 สถาบัน ธนาคารของรัฐ 1 สถาบัน เพื่อให้ บสย. ค้ำประกันสินเชื่อให้กับผู้ประกอบการ SMEs ที่เป็นลูกค้าของธนาคาร ส่วนธนาคารแห่งอื่น ๆ ที่เหลืออยู่ในระหว่างการทยอยลงนาม MoU
ร้อยโทนพดล กล่าวต่อไปอีกว่า บสย. ยังพร้อมสนองนโยบายรัฐบาลช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEsกลุ่มโลจิสติกส์ โดยค้ำประกันให้กับผู้ประกอบการกลุ่มดังกล่าวผ่านธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) ซึ่ง บสย. มีวงเงินค้ำประกันผ่านโครงการนี้จำนวน 1,500 ล้านบาท และเป็นวงเงินที่อยู่โครงการ Portfolio Guarantee Scheme ระยะที่ 2 มีหลักเกณฑ์ผ่อนปรนพิเศษสำหรับผู้ประกอบการกลุ่มโลจิสติกส์ ซึ่งสามารถค้ำประกันสินเชื่อต่อรายในวงเงินตั้งแต่ 50,000-5,000,000 ล้านบาท ทั้งนี้เมื่อรวมภาระค้ำประกันทั้งหมดต้องไม่เกิน 40 ล้านบาท คิดค่าธรรมเนียม
ค้ำประกันร้อยละ 0.25 เป็นระยะเวลา 2 ปี ของวงเงินที่ให้ บสย. ค้ำประกัน และคิดค่าธรรมเนียมร้อยละ 1.75 ตั้งแต่ปีที่ 3 เป็นต้นไป ร้อยโทนพดล กล่าวเสริมว่าสำหรับผลการดำเนินงาน ณ วันที่ 30 เมษายน 2553 บสย. ได้อนุมัติ ค้ำประกันให้กับผู้ประกอบการ SMEs ไปแล้วจำนวน 2,628 ราย วงเงินค้ำประกัน 11,434.88 ล้านบาท ทำให้ SMEs ได้รับสินเชื่อจากสถาบันการเงินผู้ให้กู้จำนวน 24,178.93 ล้านบาท โดยประเภทธุรกิจ (Cluster) ที่ บสย. ค้ำประกันสูงสุด 3 ลำดับแรก ได้แก่ อันดับที่ 1 การบริการ อันดับที่ 2 อาหารและเครื่องดื่ม และอันดับที่ 3 เหล็ก ผลิตภัณฑ์โลหะและเครื่องจักร และการค้ำประกันดังกล่าวก่อให้เกิดการจ้างงานและช่วยลดปัญหาการเลิกจ้างงานจำนวน 83,819 ราย และสร้างการจ้างงานใหม่อีก 10,475 ราย