นายสุราษฎร์ เจริญชัยสกุล เจ้าหน้าที่จากสำนักการระบายน้ำ กล่าวว่า พื้นที่ชายฝั่งทะเลบางขุนเทียน เดิมเป็นพื้นที่ป่าชายเลนที่มีความอุดมสมบูรณ์ ระยะทางยาวประมาณ 4.9 กม. เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์ที่ดินและสถานการณ์ธรรมชาติ ทำให้ชายฝั่งทะเลทดถอยและป่าไม้ชายเลนลดลง นอกจากนี้สาเหตุหลักที่ทำให้แนวของชายฝั่งทะเลถดถอยเนื่องจาก การลดลงของดินตะกอนจากแม่น้ำเจ้าพระยา เพราะเขื่อนกักเก็บน้ำกั้นดินตะกอนไว้เหนือเขื่อน อีกทั้งยังเกิดจากกระแสน้ำชายฝั่ง การทรุดตัวของท้องทะเล และคลื่นขนาดใหญ่ในฤดูมรสุม ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้แนวชายฝั่งทะเลทดถอยอีกด้วย โดยในปัจจุบันชายฝั่งทะเลถูกน้ำกัดเซาะไปแล้วประมาณ 800—1,000 เมตร อัตราการกัดเซาะของน้ำทะเลประมาณ 1.4-4.5 เมตรต่อปี ซึ่งจากการวิเคราะห์ด้วยแบบจำลองคณิตศาสตร์คาดการณ์ว่าในปี พ.ศ. 2559 แนวชายฝั่งจะถดถอยประมาณ 50 เมตร และ พ.ศ. 2579 แนวชายฝั่งทะเลถดถอยไปอีกประมาณ 100 เมตร โดยกรุงเทพมหานครได้พยายามรักษาชายฝั่งทะเลบางขุนเทียนมาโดยตลอด ด้วยมาตรการต่างๆ ทั้งมาตรการกฎหมายผังเมือง รวมทั้งการสร้างเขื่อนหินทิ้ง แต่สามารถแก้ปัญหาได้เพียงระดับหนึ่งเท่านั้น
นายสาทร ม่วงศิริ สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร เขตบางขุนเทียน ในฐานะรองประธานคณะกรรมการฯ กล่าวว่า กรุงเทพมหานครได้ดำเนินการมาตรการชั่วคราว ด้วยการปักไม้ไผ่เป็นแนวป้องกันการน้ำกัดเซาะชายฝั่งทะเล ซึ่งเป็นวิธีการที่ใช้แนวทางธรรมชาติ ใช้งบประมาณน้อย ดักตะกอนได้ดี อีกทั้งมีผลกระทบต่อชายฝั่งข้างเคียงน้อย และมีผลกระทบต่อระบบนิเวศ ชายฝั่งน้อยกว่าแบบอื่นๆ โดยจะดำเนินการปักไม้ไผ่เป็นแนวตรงในระยะแรก หลังจากนั้นจึงจะดำเนินการปักด้านข้างเป็นกรอบสี่เหลี่ยม แล้วจึงจะมีการปลูกป่าชายเลนเพื่อเพิ่มพื้นดิน เพื่อเป็นการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบในบริเวณนี้ต่อไปอีก