นายวรรณเกียรติ ทับทิมแสง ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเล ชายฝั่งทะเล และป่าชายเลน กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากอุณหภูมิน้ำทะเลที่เพิ่มสูงขึ้นมาตั้งแต่ต้นเดือนเมษายน จนกระทั่งปัจจุบันเป็นเวลากว่า 6 สัปดาห์แล้วที่ปะการังบริเวณความลึกไม่เกิน 20 เมตรทั้งฝั่งอ่าวไทยและอันดามัน ได้รับความร้อนทั้งจากแสงแดดโดยตรงและจากอุณหภูมิของน้ำที่เพิ่มขึ้น เป็นสาเหตุให้ปะการังอ่อนแอลง และในบางพื้นที่ปะการังได้รับความเสียหายจนตายในที่สุด ซึ่งโดยปกติปะการังสามารถดำรงชีวิตได้ในที่ที่อุณหภูมิน้ำทะเลอยู่ในช่วง 20 — 30 องศาเซลเซียส แต่หากอุณหภูมิน้ำทะเลมีการเปลี่ยนแปลงจากปกติ เช่น อุณหภูมิสูงกว่าอุณหภูมิสูงสุดที่ปะการังสามารถอยู่ได้ตามปกติเพียง 1 — 2 องศาเซลเซียส ติดต่อกันเป็นเวลานาน ปะการังจะขับสาหร่ายซูแซนเทลลี่ที่เป็นส่วนหนึ่งของปะการังออก ดังนั้นเมื่อไม่มีสาหร่ายชนิดดังกล่าว เราจึงสามารถมองผ่านเนื้อเยื่อใสของปะการังลงไปจนเห็นสีขาวของโครงสร้างหินปูน ซึ่งเราเรียกปรากฎการณ์เช่นนี้ว่าปะการังฟอกขาว
“ที่ได้รับรายงานว่าปะการังฟอกขาวเป็นวงกว้างแล้วคือบริเวณหมู่เกาะสุรินทร์และสิมิลัน ส่วนบริเวณใกล้ชายฝั่งของเกาะภูเก็ตพบว่าปะการังมีความเสียหายมากที่สุด รองลงมาคือเกาะบริเวณจ.ตรัง กระบี่ สตูลและชุมพรที่อุณหภูมิของน้ำเพิ่มขึ้นถึง 32 องศาเซลเซียส” นายวรรณเกียรติ กล่าว
ทางด้านนายนิพนธ์ พงศ์สุวรรณ นักวิชาการประมงชำนาญการพิเศษ สถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเล ชายฝั่งทะเล และป่าชายเลน กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กล่าวว่า ขณะนี้ ปรากฎการณ์ปะการังฟอกขาวกำลังเกิดขึ้นหลายแห่งทั่วโลก อาทิ มหาสมุทรแปซิฟิค ทางตอนใต้ของอินเดียและศรีลังกา ทางตะวันออกของอัฟริกา บริเวณใกล้เกาะมาดากัสการ์ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์เช่นนี้เคยเกิดขึ้นในประเทศไทยมาแล้วเมื่อปี 2534 และปี 2538 ซึ่งนับว่าเป็นการฟอกขาวของปะการังครั้งใหญ่ที่ปะการังเกือบทุกแห่งมีการฟอกขาว และตายเยอะ จนในขณะนี้ก็ยังได้รับการฟื้นฟูไม่หมด ต่อมาอีกครั้งในปี 2546 แต่ครั้งนั้นปะการังสามารถฟื้นตัวได้เร็วเนื่องจากน้ำทะเลได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่ช่วยให้อุณหภูมิของน้ำทะเลลดลง
“หากภายใน 2 — 3 อาทิตย์ต่อจากนี้ ยังไม่มีลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดผ่าน ก็จะทำให้ปะการังตายเพิ่มมากขึ้น แม้ขณะนี้จะมีการประกาศปิดอุทยานแห่งชาติทางทะเลหลายแห่งแล้วก็ตาม แต่ทะเลบริเวณนอกเหนือจากอุทยานแห่งชาติ ฯ ก็ต้องได้รับการดูแลเช่นกัน จึงขอความร่วมมือนักท่องเที่ยว นักดำน้ำงดกิจกรรมดำน้ำในทะเลไทยทั้งฝั่งอ่าวไทยและฝั่งอันดามันเป็นการชั่วคราว เพื่อลดการรบกวนปะการัง และปล่อยให้ปะการังมีเวลาฟื้นตัวให้สมบูรณ์ดังเดิม” นายนิพนธ์ กล่าวในที่สุด
ฝ่ายประชาสัมพันธ์ กลุ่มสื่อสารองค์กร กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง
120 หมู่ 3 ชั้น 5 อาคารรวมหน่วยราชการ (อาคารบี) ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550
ถนนแจ้งวัฒนะ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ 10210
โทรศัพท์ 0-2141-1299 โทรสาร 0-2143-9249