โดยสมาชิกสมาคมผู้ประกอบการไวน์ไทยเริ่มต้นเทศกาลเก็บเกี่ยวผลผลิตประจำปี 2553 ในเดือนกุมภาพันธ์จนถึงเดือนมีนาคมเป็นต้นไปอย่างพร้อมเพียงกัน และตลอดระยะเวลาดังกล่าวจะมีกิจกรรมที่น่าสนใจเหล่านี้เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ อาทิ เขาใหญ่ พัทยา และหัวหิน โดยนักท่องเที่ยวสามารถเข้าร่วมเทศกาลและกิจกรรมเก็บกี่ยวผลผลิตองุ่นไทยคุณภาพประจำปี และยังมีโอกาสได้พบปะกับผู้ค้าและผลิตไวน์ไทย รวมไปถึงเจ้าของไร่องุ่นจากแห่งต่างๆ โดยผู้ร่วมกิจกรรมทุกท่านจะได้พบปะและพูดคุยกัน โดยในช่วงค่ำจะเป็นการเฉลิมฉลองเทศกาลเก็บเกี่ยวผลผลิตจากเหล่าบรรดาสมาชิกผู้ผลิตไวน์ไทยพร้อมด้วยอาหารเลิศรส ดนตรี และกิจกรรมต่างๆ รวมถึงร่วมฉลองความสำเร็จของไวน์ไทยในเวทีการแข่งขันระดับนานาชาติอีกด้วย
เริ่มต้นเทศกาลเก็บเกี่ยวกันที่ไร่องุ่นในเขตเขาใหญ่ ประเดิมด้วยไร่องุ่นกราน-มอนเต้ ที่จะมีการ “เฉลิมฉลองครั้งใหญ่ หรือ แกรนด์เซเลเบรชั่น” ระหว่างวันที่ 6-7 กุมภาพันธ์ ตามมาด้วยไร่วิลเลจฟาร์ม จะมีการจัด “การเก็บเกี่ยวช่วงกลางคืน หรือ ไนท์ ฮาร์เวส” ประจำปีขึ้นในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ (และครั้งที่สองในวันที่ 27 กุมภาพันธ์) ตามมาด้วยงานดนตรีหน้าหนาว ภายหลังจากที่การเก็บเกี่ยวทั้งหมดเสร็จสิ้นลงในวันที่ 6 มีนาคม และปิดท้ายด้วยพีบี วัลเลย์ เขาใหญ่ กับงาน “ริทึ่ม ออฟ เดอะ วินยาร์ด” ในวันที่ 20 กุมภาพันธ์
ในส่วนของพัทยา นักท่องเที่ยวสามารถเยี่ยมชมไร่องุ่นซิลเวอร์เลตได้ที่งาน บลู ทู ร๊อค คอนเสิร์ต ในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ และ งานแจ๊ส คามิคาเกะ ในวันที่ 13 มีนาคม และสำหรับหัวหิน ไร่องุ่นหัวหินฮิลส์ โดยสยามไวเนอรี่ เชิญชวนให้ท่านร่วมดื่มด่ำไปกับบรรยากาศสบายๆพร้อมโปรโมชั่นพิเศษในวันวาเลนไทน์ 14 กุมภาพันธ์ ตามมาด้วยเทศกาลดนตรีแจ๊สทุกวันหยุดสุดสัปดาห์ ตั้งแต่วันที่ 20 กุมภาพันธ์ ถึงวันที่ 21 มีนาคม 2553 นอกจากนั้น สยาม ไวเนอรี่ ยังจะได้จัด “ไวน์ ฮาร์เวส ดินเนอร์” ในวันที่ศุกร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ 2553
ขอเรียนเชิญท่านที่สนใจด้านไวน์และการเก็บเกี่ยวองุ่นร่วมสนุกและเป็นส่วนหนึ่งในกิจกรรมของไร่องุ่นต่างๆได้ โดยสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมพร้อมสำรองที่นั่งได้ที่ไร่ หรือเว็บไซท์ของไร่องุ่นแต่ละแห่งตั้งแต่วันนี้
เกี่ยวกับสมาคมผู้ประกอบการไวน์ไทย
บริษัทสมาชิกผู้ก่อตั้งสมาคมผู้ประกอบการไวน์ไทย ประกอบด้วย สยาม ไวเนอรี่ อัลซิดีนี่ พีบี วัลเล่ย์(เขาใหญ่) กราน-มอนเต้ ซิลเวอร์เลค และวิลเลจ ฟาร์ม (ชาโต เดส บรูมส์) เมื่อรวมกันแล้วมีการจ้างงานมากกว่า 1,200 คน และมีกำลังการผลิตมากกว่า 500,000 ขวดต่อปี อันเป็นการช่วยยกระดับอุตสาหกรรมการเกษตรของประเทศไทย จากสินค้าเกษตรขั้นพื้นฐาน ไปสู่สินค้าที่มีมูลค่าสูงขึ้น และแน่นอนว่าจะช่วยสร้างรายได้แก่เกษตรกรให้เพิ่มมากขึ้นและยังเป็นการช่วยสนับสนุนระบบเศรษฐกิจของประเทศไทยอีกทางหนึ่ง ด้วยการดำเนินการทั้งหมดนี้ทำให้นานาชาติเห็นอย่างชัดเจนว่าประเทศไทยสามารถเป็นแหล่งผลิตไวน์ที่มีศักยภาพดีเยี่ยมได้เช่นกัน ซึ่งเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงเกษตรและดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ นอกจากนี้ยังเป็นการช่วยลดการขาดดุลทางการค้าของการนำเข้าไวน์จากต่างประเทศ เหตุเพราะเกือบครึ่งหนึ่งของจำนวนไวน์ที่ผลิตในประเทศไทยนั้นได้ส่งออกไปจำหน่ายทั่วโลก
สำหรับท่านสื่อมวลชนที่ต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม โปรดติดต่อที่
วิสุทธิ์ โลหิตนาวี
ประธานสมาคมผู้ประกอบการไวน์ไทย โทร 0-2653-1522 ต่อ 22