“การสำรวจ Reader’s Digest Trusted Brands Survey ซึ่งจัดขึ้นปีละครั้งนี้ ไม่เพียงทำให้เราสามารถทราบถึงตราสินค้าต่างๆ ที่กำลังเป็นที่นิยมในหมู่ผู้บริโภคเท่านั้น หากเรายังสามารถเรียนรู้ถึงปัจจัยในสังคมที่ส่งผลถึงการยอมรับในความเชื่อถือต่อตราสินค้าของผู้บริโภคได้มากยิ่งขึ้นอีกด้วย” มิสเตอร์เกวน ลุ่ง ผู้อำนวยการฝ่ายโฆษณาประจำภูมิภาคเอเชียแห่งบริษัท รีดเดอร์ส ไดเจสท์ เอเชีย จำกัด กล่าว
ความน่าเชื่อถือต่อตราสินค้าได้ถูกประเมินจากผู้บริโภคในการสำรวจ โดยการพิจารณาจากปัจจัย 7 ข้อ ซึ่งผู้บริโภคชาวไทยมีแนวโน้มให้ความเชื่อมั่นตราสินค้าที่ได้รับการรับรองจากสถาบันที่น่าเชื่อถือมากกว่า เห็นได้จากการระบุโดยผู้บริโภคในประเทศถึงร้อยละ 41 ซึ่งชี้ให้เห็นว่าผู้บริโภคชาวไทยให้ความเชื่อถือตราสินค้าที่ได้รับการรับรองคุณภาพมากกว่า เนื่องจากเป็นการตัดสินโดยบุคคลภายนอกที่น่าเชื่อถือซึ่งมีผลต่อความเชื่อมั่นในตราสินค้านั้น ลำดับต่อมาคืออิทธิพลของคำแนะนำโดยคนใกล้ชิด โดยผู้ตอบแบบสอบถามกว่าร้อยละ 30 ให้ความสำคัญกับคำแนะนำของคนใกล้ชิดหรือคำวิจารณ์ของผู้บริโภครายอื่นหากต้องตัดสินใจว่าตราสินค้าใดที่น่าเชื่อถือ ส่วนอีกกว่าร้อยละ 26 พบว่าผลการวิจัยและพัฒนาถือเป็นปัจจัยสำคัญในการประเมินความน่าเชื่อถือของตราสินค้า โดยผู้บริโภคชาวไทยดูเหมือนจะเป็นหนึ่งในกลุ่มลูกค้าช่างเลือกที่ไว้วางใจเฉพาะตราสินค้าที่มีหลักฐานรับรองทางวิทยาศาสตร์ที่เป็นรูปธรรมเท่านั้น (หมายเหตุ: ปัจจัยทั้ง 7 ข้อ ได้แก่ ผลการวิจัยและพัฒนา, การยอมรับจากมืออาชีพ, การยอมรับจากบุคคลผู้มีชื่อเสียง/ผู้ที่เป็นที่รู้จักในสังคม, การรับรองจากสถาบันที่น่าเชื่อถือ, ยอดการจำหน่ายสูง, คำวิจารณ์เชิงบวกของสื่อมวลชน/นักข่าว และ คำแนะนำจากคนใกล้ชิดหรือผู้บริโภค)
สำหรับความแตกต่างระหว่างเพศซึ่งอาจมีผลต่อการประเมินความน่าเชื่อถือของตราสินค้านั้น ทั้งชายและหญิงในเมืองไทยต่างกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า การรับรองจากสถาบันเป็นปัจจัยที่เด่นชัดที่สุด ตามมาด้วยคำแนะนำจากคนใกล้ชิดและผลการวิจัยและพัฒนา ผลการสำรวจยังถูกนำมาวิเคราะห์โดยอาศัยหลักเกณฑ์ด้านกลุ่มอายุอีกด้วย หากข้อมูลก็ยังแสดงให้เห็นว่า ไม่ว่าผู้ตอบแบบสอบถามจะมาจากกลุ่มอายุใดก็ตาม พวกเขาก็ยังระบุว่าการรับรองจากสถาบันยังคงเป็นตัวเชื่อมโยงที่โดดเด่นต่อความน่าเชื่อถือของตราสินค้า ดังนั้น อาจสรุปได้ว่าทั้งตามกลุ่มอายุและตามกลุ่มเพศ ผู้บริโภคชาวไทยยังคงอาศัยปัจจัยด้านการรับรองจากสถาบันที่น่าเชื่อถืออย่างแรงกล้า
สำหรับประเด็นเรื่องการเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและการอนุรักษ์ทรัพยากรโลก ตราสินค้าที่ให้ความใส่ใจด้านระบบนิเวศน์วิทยาและความรับผิดชอบต่อสังคมสามารถสร้างภาพลักษณ์ในเชิงบวกให้แก่ตราสินค้าของตนเองได้ โดยผู้ตอบแบบสอบถามในประเทศไทยกว่าร้อยละ 84 ยินดีจ่ายส่วนเพิ่มของราคาสำหรับสินค้าเพื่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งนับเป็นประเทศอันดับสองจากการสำรวจตลาดทั้งหมด 8 แห่ง โดยต่ำว่าประเทศจีนเพียงเล็กน้อย (ร้อยละ 89) กระนั้นก็ตาม เมื่อเปรียบเทียบในตลาดทั้งหมด 8 แห่งแล้ว ผู้บริโภคชาวไทยพร้อมที่จะจ่ายค่าส่วนเพิ่มของราคาในอัตราที่สูงที่สุด (ร้อยละ 10.2 ของราคาเดิม) โดยผู้บริโภคชาวไทยมองสินค้าเพื่อสิ่งแวดล้อมว่ามีคุณภาพดีกว่า ทั้งยังมีความสอดคล้องกับสภาพแวดล้อมและให้ประโยชน์คืนสู่สังคม
ด้วยปรัชญาของรีดเดอร์ส ไดเจสท์ ในการสร้างแรงบันดาลใจให้แก่ผู้คนทุกวัย ทุกระดับความสามารถและทุกภูมิหลังทางวัฒนธรรม การระดมเงินทุนเพื่อช่วยเหลือเยาวชนที่ขาดแคลนอุปกรณ์ด้านการอ่านจึงถูกจัดขึ้น นำโดยมูลนิธิสงเคราะห์เด็กยากจนซีซีเอฟแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นองค์กรเพื่อสาธารณประโยชน์ โดยมีจุดประสงค์เพื่อการดำเนินงานโครงการพัฒนานักอ่านอิสระในหมู่เยาวชน
ข้อมูลรายชื่อผู้ที่ได้รับรางวัลจากการสำรวจ Reader’s Digest Trusted Brand 2010 Award สำหรับใช้เพื่อการอ้างอิง อยู่ในเอกสารที่แนบมาพร้อมกันนี้
ลักษณะเด่นของการสำรวจ:
1. จำนวนผู้ที่ได้รับรางวัล Reader’s Digest Trusted Brands Survey 2010 มีทั้งสิ้น 107 ราย โดยเป็นตราสินค้าของประเทศไทยจำนวน 55 ราย
2. นอกจากการรับรองจากสถาบันที่น่าเชื่อถือ, คำแนะนำของคนใกล้ชิดหรือคำวิจารณ์ของผู้บริโภครายอื่น, และผลการวิจัยและพัฒนา ซึ่งเป็นปัจจัยสามอันดับแรกที่สร้างความน่าเชื่อถือแก่ตราสินค้า ปัจจัยอื่นๆ ในการสำรวจยังประกอบด้วย:
? การยอมรับจากมืออาชีพ
? คำวิจารณ์ในเชิงบวกของสื่อมวลชน / นักข่าว
? ยอดการจำหน่ายสูง
? การยอมรับจากบุคคลผู้มีชื่อเสียง / ผู้ที่เป็นที่รู้จักในสังคม
3. ผู้ที่ตอบแบบสอบถามจากตลาดทั้ง 8 แห่งที่ทำการวิจัย (จีน ฮ่องกง อินเดีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไต้หวันและประเทศไทย) รวมถึงในประเทศไทยเอง ให้ผลการสำรวจที่ไม่แตกต่างกันในปัจจัยด้านการยอมรับจากบุคคลที่มีชื่อเสียง ว่ามีความสำคัญน้อยที่สุดในการพิจาณาถึงความน่าเชื่อถือของตราสินค้า
4. ผู้ตอบแบบสอบถามในการสำรวจร้อยละ 84 ต่างแสดงให้เห็นว่าพวกเขายินดีรับส่วนเพิ่มของราคาสำหรับสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (ส่วนเพิ่มราคาโดยเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 10.2 ของราคาเดิม) โดยประเด็นเรื่องสิ่งแวดล้อมถือเป็นหัวข้อที่กำลังร้อนแรงในบริบททางสังคมปัจจุบัน ซึ่งทั้งในระดับประเทศและปัจเจกบุคคล ต่างกำลังพยายามมุ่งมั่นรักษาสภาพแวดล้อมเอาไว้ โดยผู้บริโภคชาวไทยในทุกกลุ่มเพศ ระดับการศึกษาหรืออายุ ต่างยอมรับแนวคิดในเรื่องการจ่ายเงินที่สูงขึ้นเพื่อการซื้อสินค้าที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อมของเราน้อยกว่า
5. สำหรับปีนี้ มีประเภทสินค้าทั้งหมด 30 ประเภทที่ถูกนำมาสำรวจทั่วทั้งภูมิภาคเอเชีย โดยมีการสำรวจเพิ่มเติม 13 ประเภทเฉพาะตลาดในประเทศไทย โดยประเภทสินค้าในประเทศที่เพิ่มเติมนั้นได้แก่ เครื่องดื่มให้พลังงาน นมผงสำหรับทารก สุขภัณฑ์ ผ้าอนามัย ฯลฯ
สำหรับสื่อมวชลชน หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ
วิวาลดี้ พับลิค รีเลชันส์
นวลนาง ชงัดเวช (นาง)
โทรศัพท์: (+66) 086 612 1222 / [email protected]
จันทร์พิมพ์ มีระเกตุ (พิม)
โทรศัพท์: (+66) 081 425 7017 / [email protected]
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 02-612-2253 ธันญาภรณ์