“ชาญชัย” ระดมทุกหน่วยงานออกมาตรการช่วยผู้ประกอบการ

พฤหัส ๒๗ พฤษภาคม ๒๐๑๐ ๑๐:๓๑
นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้เรียกประชุมคณะผู้บริหารทุกหน่วยงานในสังกัด เพื่อกำหนดมาตรการให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประกอบการ SMEs ย่านราชประสงค์และพื้นที่ใกล้เคียงที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมือง โดยเบื้องต้นแต่ละหน่วยงานในสังกัดได้เสนอแนวทางต่างๆ ในการเร่งช่วยเหลือและบรรเทาทุกข์ ทั้งนี้กระทรวงอุตสาหกรรมจะเร่งกำหนดพิจารณาสินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่องให้กับผู้ประกอบการ โดยเฉพาะ SMEs ในย่านราชประสงค์และพื้นที่ใกล้เคียงที่ได้รับผลกระทบ การเพิ่มศักยภาพการผลิต สนับสนุนให้มีการเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์โดยมีกิจกรรมต่างๆ เพื่อฟื้นฟูกิจการให้แก่ผู้ประกอบการ รวมเป็นวงเงินประมาณกว่า 1,000 ล้านบาท โดยเตรียมจะเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่ออนุมัติงบประมาณดำเนินการอย่างเร่งด่วน

สำหรับมาตรการเยียวยาภายใต้การดำเนินงานของกระทรวงอุตสาหกรรม ดำเนินการผ่านหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดังนี้

กรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) เสนอยืดระยะเวลายกเว้นการเก็บค่าธรรมเนียมรายปีตามพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 ให้แก่ผู้ประกอบกิจการโรงงาน จำพวกที่ 2 และจำพวกที่ 3 ทุกขนาด เป็นไปตามกฎกระทรวงออกไปอีก 1 ปี (วันที่ 1 มิถุนายน 2552 - 31 พฤษภาคม 2553) ทั้งนี้ กรอ.ยังมีแผนที่จะเปิดช่องทางการรับเรื่องเดือดร้อนผ่าน “ศูนย์สารพันทันใจ” เร่งประสานงานกรมศุลกากรเพื่อขอยกเว้นค่าปรับกรณีการนำสินค้าออกจากโกดังล่าช้า และประสานงานไปยัง สสว.เพื่อหาพื้นที่จำหน่ายสินค้าให้กับผู้ประกอบการในพื้นที่ต่างๆ

กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) เสนอแนวทางแก้ปัญหาในระยะกลางและระยะยาว โดยร่วมกับ กสอ. และ สสว. มุ่งให้คำปรึกษาเกี่ยวกับแนวทางการเยียวยาด้านโลจิสติกส์อุตสาหกรรม จัดคลินิกอุตสาหกรรมให้คำปรึกษาการจัดทำแผนธุรกิจ จัดโครงการแร่สร้างอาชีพ เสริมสร้างอาชีพแก่ประชาชนในท้องถิ่น และโครงการเหมืองแร่แก้ภัยแล้ง ปรับปรุงพื้นที่เหมืองแร่ที่เป็นบ่อมาพัฒนาเป็นแหล่งเก็บน้ำ แก้ปัญหาการขาดแคลนน้ำ

สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ได้เสนอมาตรการระยะยาวผ่านโครงการพัฒนาผู้ประกอบการรายย่อยสำหรับผลิตภัณฑ์ของเล่น เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจในมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม สามารถนำไปใช้ในการบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ 2.โครงการมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน ประจำปี 2553 จัดอบรมสัมมนา เพื่อให้ผู้ผลิตชุมชนตระหนักถึงคุณภาพและมุ่งเน้นการผลิตสินค้าที่มีคุณภาพอย่างสม่ำเสมอ

กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) ได้เสนอแนวทางการสนับสนุนเงินทุนหมุนเวียนแก่ผู้ประกอบการภาคการผลิต วงเงิน 100 ล้านบาท ซึ่งลูกค้ารายเดิมจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของมูลหนี้ที่เหลือลงร้อยละ 1 ต่อปี และกำหนดระยะเวลาการพักชำระหนี้ในช่วงวิกฤตการเมือง ส่วนลูกค้ารายใหม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลงร้อยละ 1ต่อปี มีระยะเวลาปลอดหนี้นาน 3 ปี พร้อมเพิ่มวงเงินสินเชื่อรายย่อยรายละไม่เกิน 500,000 บาท รวมทั้งการจัดอบรมให้ความช่วยเหลือเพื่อเพิ่มขีดความสามารถและการหาช่องทางทำตลาดให้แก่ผู้ประกอบการ

สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เสนอเป็นหน่วยงานกลางในการให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประกอบการ โดยได้รับงบประมาณจากรัฐบาลเพิ่มเติมจำนวน 500 ล้านบาทโดยแบ่งเป็น จัดโครงการ SMEs Phoenix Fund วงเงิน 350 ล้านบาท เพื่อปรับปรุงฟื้นฟูกิจการ SMEs เฉพาะดอกเบี้ยเพิ่มเติมร้อยละ 2 จากอัตราดอกเบี้ยพิเศษที่สถาบันการเงินกำหนดเป็นระยะเวลาไม่เกิน 2ปี และมาตรการอื่นๆอีกในวงเงิน 150 ล้านบาท ได้แก่ จัดคาราวานตลาดนัดสัญจร “SMEs ยิ้มสู้” จัดโครงการสร้างผู้ประกอบการใหม่สำหรับผู้ที่ถูกเลิกจ้าง Go SMEs เพื่อผลักดันให้เกิดผู้ประกอบการใหม่ในระบบแฟรนไชส์ ส่วน SMEs ในต่างจังหวัดที่ได้รับผลกระทบ สสว.จะช่วยเหลือผ่านกิจกรรม ภายใต้โครงการ SMEs ไทยเข้มแข็ง

สถาบันอาหาร ได้เสนอแนวทางแก้ไขปัญหารวมวงเงิน 400 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นการให้ความช่วยเหลือใน 2 ช่วง ได้แก่ ช่วงที่1 มิถุนายน-กันยายน 2553 (4 เดือน) จัดกิจกรรมจำหน่ายสินค้าอาหารของผู้ประกอบการ งบประมาณ 100 ล้านบาท และช่วงที่2 ตุลาคม 2553- กันยายน 2554 (12เดือน) เพื่อจัดคลินิก อุตสาหกรรมเคลื่อนที่ มุ่งให้ความรู้ด้านวิชาชีพด้านอาหาร ให้คำปรึกษาด้านการผลิต การตลาด และเงินทุน พัฒนาสินค้าใหม่ ยกระดับมาตรฐานผลิตภัณฑ์สู่มาตรฐานความปลอดภัย ภายใต้งบประมาณ 300 ล้านบาท

สถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ (THTI) เสนอแนวทางการดำเนินงานโดยร่วมกับหน่วยงานพันมิตร ในการมุ่งพัฒนาผู้ประกอบการและออกแบบผลิตภัณฑ์ ค้นหาวัตถุดิบให้มีความหลากหลาย ยกระดับคุณภาพการฟอกย้อมให้เป็นที่ต้องการของตลาด และสร้างโอกาสทางตลาดให้กว้างมากขึ้น

ธนาคารวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME Bank) ได้จัดเตรียมงบประมาณสำหรับช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 27 เมษายนที่ผ่านมา และมติคณะกรรมการบริหารโครงการสินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่องให้แก่ผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ โดยออกมาตรการให้ “สินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่องแก่ผู้ประกอบการ SMEs ย่านราชประสงค์และพื้นที่ใกล้เคียงที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมือง” ในวงเงินรวม 5,000 ล้านบาท มีระยะเวลาโครงการสิ้นสุดวันคำขอรับสินเชื่อภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2553 โดยกำหนดให้สินเชื่อต่อรายวงเงินไม่เกิน 3,000,000 บาท มีระยะเวลากู้ยืมสูงสุดไม่เกิน 6ปี ระยะเวลาการปลอดชำระคืนเงินต้น 2 ปี

การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ได้เสนอโครงการแก้ไขปัญหาผลกระทบจากเหตุการณ์ทางการเมืองต่อผู้ประกอบการ ได้แก่ 1. มาตรการระยะสั้น ในการติดตั้งอุปกรณ์เครื่องกำเนิดไฟฟ้าสำรอง (Buckup Gencrator) เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกอบการในเขตประกอบการค้าเสรีที่ต้องรับบริการจาก กนอ. กรณีที่เจ้าหน้าที่ไม่สามารถเข้าประจำที่สำนักงานและกรณีไฟฟ้าถูกตัด ในงบประมาณ 3,000,000 บาท 2.มาตรการระยะยาว ติดตั้งอุปกรณ์เซิฟเวอร์สำรอง (Backup Servers) อยู่นอกสถานที่ที่ปลอดภัยและสามารถเปิดใช้งานได้ทันทีเมื่อเซิร์ฟเวอร์สำนักงานใหญ่ต้องปิดเครื่อง และโครงการแก้ไขปัญหาผลกระทบจากการเหตุการณ์ทางการเมืองต่อผู้ประกอบการจากปัญหาการขนส่งคน วัตถุดิบ และสินค้าในภาคอุตสาหกรรมตามระบบ Just in Time โดยจัดตั้งศูนย์ประสานงานข้อมูลขึ้นที่กระทรวงอุตสาหกรรมและหน่วยงานในสังกัด เช่น สำนักงานปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม และกรมโรงงานอุตสาหกรรม

สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย ได้เสนอโครงการพัฒนาพื้นที่และอาคารสำหรับการค้าเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากเหตุวินาศกรรม ดำเนินการติดต่อประสานงานกับวิศวกรและสถาปนิกผู้ออกแบบซึ่งจะช่วยเหลือผู้ประสบภัยในด้านการออกแบบการก่อสร้างอาคารกึ่งถาวรแบบถอดประกอบ (Knock Down) โดยมีกลุ่มเป้าหมายคือผู้ประสบภัยจากเหตุวินาศกรรมในกลุ่มร้านค้าที่ต้องการดำเนินธุรกิจในบริเวณที่ภาครัฐหรือเอกชนจัดไว้ให้ชั่วคราว

สถาบันพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สพว.) เสนอ 2 มาตรการ ได้แก่ 1.ให้เงินกู้แก่ผู้ผลิตสินค้าที่ส่งจำหน่ายให้แก่ผู้ประกอบการรายย่อยในพื้นที่การชุมนุม ในวงเงิน 1,500 ล้านบาท เฉลี่ยรายละ 1 ล้านบาท จำนวน 1,500 ราย เนื่องจากเห็นว่ากลุ่มดังกล่าวจะได้รับผลกระทบต่อเนื่องจากผู้จำหน่ายในพื้นที่ 2. ให้ความช่วยเหลือลูกจ้างที่ว่างงานเนื่องจากการชุมนุมให้สามารถเข้าทำงานในภาคอุตสาหกรรม หรือ สามารถประกอบอาชีพด้วยตนเองได้ ผ่านการจัดอบรมฝึกวิชาชีพเฉลี่ยรายละ 5,000 บาท

สถาบันรับรองมาตรฐานไอเอสโอ เตรียมจัดโครงการเตรียมความพร้อมบุคลากรเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงทางอาชีพและการจ้างงานด้านมาตรฐานระบบการจัดการของสากล สถาบันรับรองมาตรฐานไอเอสโอ โดยมีกลุ่มเป้าหมายเป็นผู้ว่างงานที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุม

สถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ ได้ให้ความช่วยเหลือแก่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ผ่านโครงการ Lean Productivity ในส่วนงานจักษุคลินิก งานห้องผ่าตัด ระบบงานจัดซื้อโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย และให้คำปรึกษาด้าน การบริการที่มีคุณภาพ (Service Quality) แก่บริษัทกลุ่มค้าปลีกและบริการซึ่งเป็นลูกค้า

สถาบันไทย —เยอรมัน ได้กำหนดมาตรการให้แก่ผู้ประกอบการภายใต้ โครงการยกระดับขีดความสามารถอุตสาหกรรมแม่พิมพ์ ได้แก่ 1.ยืดระยะเวลาในการจ่ายสมทบค่าใช้จ่ายที่จะเรียกเก็บเพิ่ม ให้แก่ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการดังกล่าวออกไปถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2553 2. ชะลอการเรียกเก็บค่าบริการที่ผู้ประกอบการค้างชำระออกไปอีก 60 วัน

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 026407929

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๒ พ.ย. รีเลชั่นชิพรีพับบลิค แนะกลยุทธ์สำคัญ นำพาธุรกิจร้านอาหารสู่ความสำเร็จ มัดใจลูกค้าให้อยู่หมัด
๒๒ พ.ย. ชมนวัตกรรมสุดล้ำในงาน METALEX 2024 หลายแบรนด์แกะกล่องเครื่องจักรครั้งแรกในงานนี้
๒๒ พ.ย. Bangkok Illustration Fair 2024 สู่การเติบโตก้าวใหญ่ในปีที่ 4
๒๒ พ.ย. ผลการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลโดย IMD ประจำปี 2567 TMA เผยไทยครองอันดับ 37 ในการจัดอันดับด้านดิจิทัลปีนี้
๒๒ พ.ย. โก โฮลเซลล์ จัดเต็มสินค้า ส่งสุข สุดอร่อย เฉลิมฉลองเทศกาลส่งท้ายปี เข้มกระเช้าปีใหม่ดีมีมาตรฐาน พร้อมชู อาหารแช่แข็ง-อาหารสด
๒๒ พ.ย. กทม. จับมือสถานทูตเนเธอร์แลนด์ ประจำประเทศไทย จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ ACTIVE Workshop เมืองเดินเท้า และจักรยานสัญจร ครั้งที่
๒๒ พ.ย. สัมผัสความหรูหราของวิลล่าริมทะเล VEYLA NATAI RESIDENCES ผ่านประสบการณ์เหนือระดับในงาน SOUL of VEYLA
๒๒ พ.ย. 'แอสเซทไวส์' จับมือ 'สยามกีฬา' เปิดศึกลูกหนังยุวชนทัวร์นาเมนต์ใหญ่แห่งปี AssetWise Siamkeela Cup 2024-25 ต่อเนื่องเป็นปีที่
๒๒ พ.ย. โรงแรมเรเนซองส์ เปิดตัว R FINDS แพลตฟอร์มดิจิทัลระดับโลก ที่จะเชื่อมมนต์เสน่ห์ชุมชนท้องถิ่นสู่นักเดินทางทั่วโลก
๒๒ พ.ย. electric.neon.lamp หยิบเพลงฮิต แม้ ใส่ฟีลดนตรีเหงาปนเศร้าในแบบ Piano Version