ศ.พญ.อุษา ทิสยากร ให้ข้อมูลว่า “ผลการศึกษาล่าสุดในการป้องกันโรคอุจจาระร่วงจากไวรัสโรต้า” หวังให้เด็กไทยปลอดภัยจากโรคนี้ โดยเปิดเผยถึงผลการศึกษาล่าสุดที่ทำในประเทศแอฟริกาใต้และ มาลาวี ที่แสดงว่า การให้วัคซีนป้องกันไวรัสโรต้าสามารถป้องกันการเกิดโรคอุจจาระร่วงชนิดรุนแรงที่เกิดจากเชื้อไวรัสโรต้าได้ โดย ลดความรุนแรงได้ถึง ร้อยละ 61.2 ในช่วงปีแรก และก่อให้เกิดผลดีต่อสาธารณสุข สามารถลดภาระของโรคไปได้อย่างมาก และยังมีการศึกษาที่แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพของวัคซีนว่าสามารถป้องกันโรคอุจจาระร่วงรุนแรงจากเชื้อนี้ได้ถึงร้อยละ 96 ในเอเชีย และร้อยละ 80-90 ในยุโรปและละตินอเมริกาตามลำดับ
ปี พ.ศ. 2549 ประเทศ เม็กซิโก เป็นประเทศ แรกในโลก ที่บรรจุวัคซีนป้องกันไวรัสโรต้าเป็นโปรแกรมพื้นฐานของประเทศ และส่งผลให้เห็นภายใน 2 ปีว่าอัตราตายของเด็กอายุน้อยกว่า 2 ขวบ จากโรคอุจจาระร่วง ลดลงได้มากถึงร้อยละ 66 จากการเปรียบเทียบตัวเลขอัตราตายระหว่างปี พ.ศ. 2546 — 2549 กับปี พ.ศ. 2549 — 2550 (หลังจากที่มีการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสโรต้าให้กับเด็กทั่วประเทศแล้ว) ซึ่งนับว่าเป็นตัวเลขที่สูงมากและเป็นเรื่องที่น่ายินดี
และต่อมาในปี พ.ศ. 2552 องค์การอนามัยโลกได้ออกมาให้การสนับสนุนอย่างชัดเจนว่า วัคซีนป้องกันการติดเชื้อไวรัสโรต้ามีความสำคัญและสมควรที่จะบรรจุในโปรแกรมการให้วัคซีนพื้นฐานสำหรับเด็กทุกประเทศ เพื่อช่วยปกป้องเด็กทั่วโลกให้รอดพ้นจากการนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลหรือการเสียชีวิตจากโรคอุจจาระร่วงจากไวรัสโรต้า ปัจจุบันรัฐบาลของหลายประเทศทั่วโลกทั้งทวีปอเริกา กลุ่มประเทศอเมริกาใต้ แอฟริกา ออสเตรเลียและเอเชีย ได้บรรจุการให้วัคซีนป้องกันไวรัสโรต้าในโปรแกรมการให้วัคซีนพื้นฐาน เช่นเดียวกับวัคซีนป้องกันโรคพื้นฐานอื่นๆ ซึ่งพบว่าสามารถลดจำนวนผู้ป่วยเด็กที่มีอาการอุจจาระร่วงจากเชื้อไวรัสโรต้า และลดการมาพบแพทย์ที่ห้องฉุกเฉินหรือต้องเข้านอนรักษาตัวในโรงพยาบาลได้อย่างมาก ซึ่งนับว่าเป็นการลดความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตและลดความสูญเสียทางด้านเศรษฐกิจได้
"หวังว่า ข้อมูลเหล่านี้ จะช่วยกระตุ้นให้แต่ละประเทศให้ความสำคัญกับการป้องกัน และ เพื่อโลกนี้จะได้ไม่มีเด็กเสียชีวิตจากโรคอุจจาระร่วงจากไวรัสโรต้า"