ปภ.แนะเทคนิคในการขับรถช่วงฝนตก

ศุกร์ ๐๔ มิถุนายน ๒๐๑๐ ๑๑:๑๔
กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย แนะผู้ขับขี่เพิ่มความระมัดระวังในการ ขับรถช่วงฝนตกมากกว่าปกติ หากต้องขับรถผ่านแอ่งน้ำให้ชะลอความเร็วเพื่อป้องกันรถเกิดอาการเหินน้ำ กรณีต้องขับรถผ่านเส้นทางเสี่ยงดินถล่ม ควรศึกษาสภาพเส้นทางและหมั่นสังเกตความเปลี่ยนแปลงทางธรรมชาติ หากรถติดหล่มให้นำอิฐหรือท่อนไม้วางไว้ด้านหน้ายางล้อหลัง จะช่วยเพิ่มแรงเสียดทานทำให้รถเคลื่อนตัวออกจากหล่มโคลนง่ายขึ้น

นายอนุชา โมกขะเวส อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เปิดเผยว่า การขับรถในช่วงฤดูฝนผู้ขับขี่ต้องเพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะในช่วงฝนตกใหม่ๆ น้ำฝนจะผสมกับขี้ฝุ่นกลายเป็นดินโคลนบางๆฉาบผิวถนน ทำให้ถนนลื่นกว่าปกติ โดยเฉพาะถนนลูกรังและทางดินเมื่อเกิดฝนตกหนักจะกลายสภาพเป็นแอ่งน้ำหรือบ่อโคลนที่เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย เพื่อความปลอดภัย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ขอแนะเทคนิคการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในการขับรถช่วงฝนตก ดังนี้

กรณีรถเหินน้ำ ซึ่งเกิดจากการขับรถด้วยความเร็วสูงผ่านบริเวณที่มีน้ำท่วมขังหรือแอ่งน้ำ เพื่อความปลอดภัยผู้ขับขี่ควรจับพวงมาลัยให้มั่น ลดความเร็วรถก่อนถึงแอ่งน้ำจะช่วยลดแรงกระแทก ห้ามเหยียบเบรกในขณะที่ขับผ่านแอ่งน้ำ เพราะจะทำให้ล้อล็อคและรถเสียการทรงตัวจนเกิดอาการหมุนหรือปัดอย่างรวดเร็ว ให้แก้ไขโดยค่อยๆถอนคันเร่งรอจนรถสามารถทรงตัวได้ดี จึงค่อยเหยียบเบรกเพื่อหยุดรถ

การขับผ่านเส้นทางเสี่ยงดินถล่ม เช่น บริเวณหุบเขา เชิงเขา ก่อนเดินทางควรตรวจสอบข้อมูลประกาศแจ้งเตือนภัย และศึกษาสภาพเส้นทางจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมหาเส้นทางสำรองกรณีเส้นทางเดิมไม่ปลอดภัย หากเส้นทางที่ขับผ่านมีฝนตกหนักให้เลี่ยงไปใช้เส้นทางอื่นที่ปลอดภัยมากกว่า กรณีต้องขับผ่านเส้นทางเสี่ยงดินถล่มให้เพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษ ไม่ขับรถเร็ว หมั่นสังเกตสัญญาณความเปลี่ยนแปลงทางธรรมชาติ หากน้ำในร่องน้ำข้างถนนเปลี่ยนเป็นสีเดียวกับดินบนภูเขา หรือได้ยินเสียงคล้ายดินถล่มให้ค่อยๆขับรถออกจากบริเวณดังกล่าวโดยเร็วที่สุด หากมีดินถล่มปิดทับเส้นทาง ควรหยุดรถในบริเวณที่ปลอดภัย ไม่ฝืนนำรถออกจากจุดเกิดเหตุ เพราะสภาพถนนที่แคบและโค้งชัน อาจทำให้รถเสียหลักหลุดออกนอกเส้นทาง

การขับรถลุยโคลน ให้หยุดรถเพื่อประเมินเส้นทางและเลือกใช้เส้นทางที่ตื้นที่สุดหรือทางที่มีรอยล้อรถเดิม จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการติดหล่ม โดยต้องขับรถในระดับความเร็วที่สม่ำเสมอ หากรู้สึกล้อหนืดหรือเหยียบคันเร่งไม่ไป ให้ค่อยๆขยับพวงมาลัยไป-มาช้าๆ เพื่อให้ล้อเกาะพื้นดินใหม่ แต่ห้ามหมุนล้อเร็วเกินไป เพราะจะทำให้ล้อรถจมดินมากขึ้น

หากรถจมโคลนหรือติดหล่ม ห้ามเร่งเครื่องหรือหักพวงมาลัยด้วยความเร็วสูงจะทำให้ล้อจมโคลนลึกขึ้น ให้แก้ไขโดยวางก้อนอิฐหรือท่อนไม้ไว้ด้านหน้ายางรถยนต์ล้อหลัง ค่อยๆเร่งเครื่องเพื่อเพิ่มแรงเสียดทาน หรือใช้สายเคเบิลลากจูงแบบตรง และพยายามเร่งเครื่องโดยใช้เกียร์ต่ำจะทำให้รถสามารถเคลื่อนตัวออกจากหล่มโคลนง่ายขึ้น

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๒๑ 60 ปีแห่งความมุ่งมั่น! คาโอ คว้ารางวัลอุตสาหกรรมดีเด่น 2 ประเภทในปี 2567 ชูความสำเร็จด้านสิ่งแวดล้อมและความรับผิดชอบต่อสังคม
๑๗:๒๓ AVATR ก้าวสู่ความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่! ระดมทุนในรอบ Series C ได้มากกว่า 11,000 ล้านหยวน พร้อมก้าวสู่ความเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าหรูหราแห่งอนาคต
๑๗:๐๖ Zoom เปิด 10 เทรนด์ ใช้ AI ในการทำงานปี 2568
๑๗:๑๐ เปิดมุมมองอาชีพที่หลากหลายในอุตสาหกรรมกาแฟไทย เจาะลึกบทบาทและแนวทางยกระดับสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
๑๗:๑๔ อนาคตแห่งการเดินทาง: 5 คนขับ AI จากแอปเรียกรถ Maxim
๑๗:๕๕ Well-Being House บ้านชั้นเดียวเอาใจคนวัยเกษียณ
๑๗:๑๖ กทม. แจงเปิดกว้างการแข่งขันโครงการเช่าคอมพิวเตอร์พกพาสำหรับนักเรียน
๑๖:๓๗ รายงาน Ericsson Mobility Report ฉบับล่าสุด เผยผู้เริ่มให้บริการ 5G กลุ่มแรกกำลังมุ่งสู่โมเดลธุรกิจที่เน้นประสิทธิภาพ
๑๗:๒๕ เมดีซ กรุ๊ป ร่วมสมทบทุนสนับสนุนมูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช ช่วยผู้ป่วยในชนบท ถิ่นทุรกันดารที่ห่างไกล
๑๖:๔๔ CNN จับตา นวัตกรรมล่าสุดจากนักวิจัยไทย พลิกโฉมการตรวจคัดกรองความเครียดด้วย เหงื่อ