มร.เว็น ซานโตส ผู้จัดการฝ่ายการตลาดอาวุโส บริษัท มอนเด นิสชิน (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “นับตั้งแต่มอนเด นิสชิน เข้ามาทำธุรกิจในไทยในปี 2548 ด้วยการเปิดตัวแครกเกอร์แซนด์วิช “วอยซ์” บริษัทฯประสบความสำเร็จอย่างสูงและได้รับเสียงตอบรับที่ดีเยี่ยมจากผู้บริโภคชาวไทย ซึ่งความสำเร็จเหล่านี้เป็นผลมาจากความมุ่งมั่นของเราในการนำเสนอนวัตกรรมและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องเพื่อให้ตรงใจกลุ่มเป้าหมาย ในวันนี้ บริษัทฯพร้อมแล้วที่จะขยายไลน์ผลิตภัณฑ์แครกเกอร์เพิ่มขึ้นด้วยการแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุดที่เราใช้ชื่อแบรนด์ว่า “อัน-ปัน” ซึ่งคำว่า “ปัน” ในหลายประเทศเช่น ญี่ปุ่น หรือสหรัฐฯ มีความหมายตรงตัวว่า “ขนมปัง” การใช้ชื่อแบรนด์ว่าอัน-ปัน จึงเป็นการบ่งบอกว่าแครกเกอร์ของเรามีคุณสมบัติที่หลากหลายเหมือนกับขนมปัง คือสามารถนำไปทานกับอะไรก็ได้ แต่ที่พิเศษยิ่งกว่าคือ อัน-ปันกรุบกรอบ ให้แคลอรี่น้อย และยังพกพาไปทานที่ไหนก็ได้สะดวกด้วย”
มอนเด นิสชิน (ประเทศไทย) มีอัตราการเติบโตทางธุรกิจอย่างต่อเนื่องทุกปี โดยในปี 2552 บริษัทฯมีอัตราการเติบโตประมาณ 10% ปัจจุบัน มอนเด นิสชินเป็นบริษัทผู้ผลิตบิสกิตอันดับ 4 ในประเทศไทย และมีส่วนแบ่งการตลาด 5% แม้ว่าจะมีแบรนด์ผลิตภัณฑ์บิสกิตในตลาดเพียง 2 แบรนด์เท่านั้น มร.เว็น ซานโตส ยังกล่าวเพิ่มเติมถึงแผนการตลาดในปี 2553 ว่า “ในปีนี้บริษัทฯ จะโฟกัสไปที่การสร้างแบรนด์สินค้า เริ่มจากการแนะนำแบรนด์ใหม่คือ “อัน-ปัน” และสร้างความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์ที่มีอยู่เดิมคือ “วอยซ์” และ “ซูโม่” นอกจากนี้มอนเด นิสชินยังเตรียมเจาะตลาดอาหารในเซกเมนต์ใหม่อื่นๆ ด้วย เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับบริษัทฯ ในฐานะผู้ผลิตสินค้าอาหารในประเทศไทยมากยิ่งขึ้น”
ทั้งนี้ อุตสาหกรรมอาหารและขนมขบเคี้ยวในประเทศไทยถือว่ามีศักยภาพในการเติบโตที่ดีมาก และมีขนาดธุรกิจใหญ่กว่าในฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นประเทศต้นกำเนิดของบริษัท มอนเด นิสชิน ถึง 2 เท่า อย่างไรก็ตาม เซกเมนต์บิสกิตเป็นเซกเมนต์ที่มีขนาดเล็ก มร.เว็น ซานโตส พูดถึงผลการวิจัยในประเด็นนี้ว่า “ผลการวิจัยระบุชัดเจนว่า ตลาดบิสกิตในประเทศไทยยังมีศักยภาพที่จะเติบโตได้อีกมาก โดยเฉพาะในเซกเมนต์แครกเกอร์ชนิดเค็ม ในประเทศฟิลิปปินส์ เวียดนาม และอินโดนีเชีย ผลิตภัณฑ์บิสกิตที่เป็นที่นิยมที่สุดล้วนเป็นแครกเกอร์ชนิดเค็มทั้งสิ้น แต่ในประเทศไทย เซกเมนต์นี้ยังมีขนาดเล็กอยู่ เพราะผู้บริโภคชาวไทยยังรับรู้กันไม่มากนักถึงคุณสมบัติที่หลากหลายของแครกเกอร์ชนิดเค็ม ที่สามารถนำมารับประทานได้หลากหลายรูปแบบ ดังนั้น มอนเด นิสชินจึงเห็นว่า การเปิดตัวแครกเกอร์ “อัน-ปัน” ในวันนี้ จะเป็นโอกาสที่ดีที่จะทำให้ผู้บริโภคชาวไทยได้มาทำความรู้จักกับแครกเกอร์ชนิดนี้ให้มากขึ้น”
อัน-ปันเป็นแครกเกอร์ที่ดีต่อสุขภาพ และรับประทานได้สะดวกทุกที่โดยเฉพาะกับคนทำงานรุ่นใหม่ที่มักมีช่วงเวลาที่เร่งรีบอยู่บ่อยๆ และเพราะเป็นแครกเกอร์ที่รับประทานได้ง่ายกับทุกอย่าง อัน-ปันจึงเหมาะให้เด็กๆ ทั้งเด็กเล็กและวัยรุ่นได้รับประทานกันด้วย
ขณะเดียวกัน มอนเด นิสชิน เตรียมแคมเปญการตลาดแบบครบวงจรสำหรับการเปิดตัว “อัน-ปัน” ในครั้งนี้ไว้มากมาย ทั้งภาพยนตร์โฆษณาทางโทรทัศน์หลายเวอร์ชั่น การจัดกิจกรรมกับผู้บริโภคและคู่ค้า การทำกิจกรรมซีเอสอาร์ รวมไปถึงการแจกตัวอย่างผลิตภัณฑ์ให้ผู้บริโภคได้ทดลองชิม
แครกเกอร์อัน-ปัน มีให้เลือก 2 รสชาติได้แก่ รสดั้งเดิม และรสผัก อัน-ปันผลิตขึ้นจากวัตถุดิบจากธรรมชาติชั้นดี ไม่มีส่วนผสมของสารกันบูด ไขมันชนิดอิ่มตัว และน้ำมันชนิดเติมไฮโดรเจน อัน-ปันรสดั้งเดิมเป็นแครกเกอร์สไตล์คลาสสิก ส่วนอัน-ปันรสผัก เป็นการผสมผสานรสชาติที่หลากหลายทั้งผัก หัวหอม และกระเทียม ซึ่งผู้บริโภคสามารถนำไปรับประทานได้หลายแบบ ทั้งกับท้อปปิ้งที่ชอบ หรือจะรับประทานเฉพาะแครกเกอร์อย่างเดียวก็อร่อย อัน-ปั่นเป็นแครกเกอร์ที่ให้แคลอรี่น้อย กรุบกรอบ และยังพกพาไปทานที่ไหนก็ได้สะดวก แถมยังรับประทานกับท้อปปิ้งที่ชื่นชอบได้อย่างที่ใจต้องการด้วย
“นอกจากนี้ เพื่อสร้างความตระหนักในแบรนด์ให้กับผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมาย บริษัทฯได้เลือกแอน ทองประสมมาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ให้กับอัน-ปันด้วย เราเลือกแอนเพราะว่าแอนเป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียงทั้งยังเป็นที่รักของคนไทยทั่วประเทศ ที่สำคัญบุคลิกของแอนยังสอดคล้องกับบุคลิกของสินค้า เพราะแอนเป็นคนที่ห่วงใยในสุขภาพ ทว่าก็ใช้ชีวิตอย่างเต็มที่โดยไม่ลดความสนุกในการได้เต็มอิ่มกับเมนูอาหารที่ชื่นชอบ นอกจากนี้ ในเมื่อเราได้นักแสดงเจ้าบทบาทอย่างแอนมาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์แล้ว เราจึงไม่พลาดโอกาสปล่อยให้แอนได้ถ่ายทอดบุคลิกของ 4 ตัวละครในหนังโฆษณาเรื่องพิเศษที่เราตั้งใจทำขึ้นมา ซึ่งเรามั่นใจว่า ผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายรวมถึงแฟนๆ ของแอนจะต้องชอบ และช่วยให้อัน-ปันเป็นแครกเกอร์แบรนด์โปรดประจำบ้านของทุกคนแน่นอน” มร.เว็น ซานโตส กล่าวเพิ่มเติม
“อัน-ปัน” มีวางจำหน่ายแล้ววันนี้ในร้านค้าปลีกชั้นนำทั่วประเทศ โดยมีให้เลือก 2 รสชาติ ได้แก่ รสดั้งเดิม และรสผัก ในราคา 5 บาทสำหรับห่อเล็ก และ 12 บาทสำหรับห่อใหญ่
แถลงข่าวในนาม : มอนเด นิสชิน (ประเทศไทย)
รายละเอียดเพิ่มเติม : ปัญจพร คู่สามารถ ([email protected])
เซาดามินิ บาไก ([email protected])
บริษัท โอกิลวี่ พับลิค รีเลชั่นส์ เวิลด์วายด์ จำกัด
โทร. 0 2205 6618, 0 2205 6626