นายวีรวัฒน์ ขอไพบูลย์ กรรมการ บริษัท ไทยสโตเรจ แบตเตอรี่ จำกัด (มหาชน) (BAT-3K) และ รองประธานอาวุโส บริษัท ผลิตภัณฑ์ 3เค จำกัด ผู้นำในธุรกิจผลิตและจำหน่ายแบตเตอรี่รถยนต์ของไทย เปิดเผยว่า ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาอุตสาหกรรมแบตเตอรี่รถยนต์โดยรวม มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น ตามตลาดรถยนต์และสภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มมีการฟื้นตัว คาดว่าในปีนี้ตลาดโดยรวมของแบตเตอรี่รถยนต์จะเติบโตเพิ่มขึ้นประมาณ 10%
“เชื่อว่าตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ ยังมีโอกาสในการเติบโต เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ดีขึ้น ส่งผลให้ความต้องการใช้ รวมทั้งความเชื่อมั่นของผู้บริโภคปรับตัวดีขึ้นตาม แต่เชื่อว่าในปีนี้ตลาดส่งออกจะมีการเติบโตอยู่ในเกณฑ์ที่ค่อนข้างดีกว่าตลาดในประเทศ ซึ่งบริษัทมีแผนที่จะรุกตลาดต่างประเทศมากขึ้นด้วยเช่นกัน โดยตั้งเป้าสัดส่วนการขายตลาดในประเทศไว้ที่ 50%และตลาดต่างประเทศที่ 50% จากเดิมมีสัดส่วนอยู่ที่ประมาณ 35-40%”นายวีรวัฒน์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม 3K แบตเตอรี่ ยังคงเน้นความเป็นผู้นำในตลาดแบตเตอรี่รถยนต์แบบทดแทนภายในประเทศเอาไว้ โดยพยายามรักษาส่วนแบ่งในตลาดไว้ที่ประมาณ 30% แต่เชื่อว่าการแข่งขันยังคงอยู่ในระดับที่รุนแรง ซึ่งบริษัทได้มีการปรับกลยุทธ์ทางการตลาดและการขายให้มีความครบวงจร เข้าถึงกลุ่มลูกค้าทุกประเภทมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังมีการสร้างภาพลักษณ์ใหม่ๆให้กับแบรนด์ 3K แบตเตอรี่ ด้วยเช่นกัน
โดยในปีนี้บริษัทใช้งบประมาณจำนวน 60 ล้านบาท เพื่อการดำเนินกิจกรรมด้านการตลาดและการขาย ในส่วนของตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศบริษัทได้มีการจัดโรดโชว์ให้ความรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ ภาวะตลาด และผลประโยชน์ที่ลูกค้าจะได้รับมากขึ้น ผ่านแคมเปญ 3K INSIDE CIA TOUR ขณะที่ในส่วนของผู้บริโภคบริษัทได้ทำการสื่อสารผ่านสปอร์ตมาร์เก็ตติ้งแคมเปญ อาทิ การเป็นผู้สนับสนุนหลักสโมสรฟุตบอล บีอีซี - เทโรศาสน ในการแข่งขันไทยพรีเมียร์ลีก 2010, การแข่งขันรถยนต์ทางเรียบ รายการ “NITTO 3K RACING CAR THAILAND 2010“ ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ซึ่งกิจกรรมต่างๆเหล่านี้จะช่วยส่งเสริมให้ผลิตภัณฑ์เป็นที่รู้จักในกลุ่มผู้ใช้ที่หลากหลายยิ่งขึ้น อีกทั้งยังมีการให้ข้อมูลที่เป็นความรู้เกี่ยวกับการดูแลรักษารถยนต์ กับผู้ใช้กลุ่มใหม่ๆด้วยเช่นกัน
นางสาววีรวรรณ ขอไพบูลย์ รองประธานอาวุโส สายงานบริหาร บริษัท ไทยสโตเรจ แบตเตอรี่ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในส่วนของตลาดต่างประเทศในปีนี้บริษัทจะเน้นการขยายสัดส่วนการตลาดของประเทศเดิมที่เรามีอยู่แล้ว และเข้าไปบุกตลาดในประเทศใหม่ๆที่ใช้แบตเตอรี่ Sealed Maintenance Free อาทิ ในกลุ่มประเทศยุโรป และประเทศที่เรามีสัดส่วนการขายอยู่แล้วในปริมาณที่ไม่มากนัก แต่ในปีนี้จะมีการเพิ่มสัดส่วนทางการขายอย่างมีนัยสำคัญ โดยจะดำเนินการทั้งในส่วนของการเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายผ่านพันธมิตรในกลุ่มประเทศดังกล่าว และออกผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ตอบสนองความต้องการใช้งานของกลุ่มผู้ใช้มากขึ้น
“ในตลาดต่างประเทศเราต้องการเพิ่มสัดส่วนการขายให้มากขึ้น แต่คงเป็นไปในลักษณะค่อยเป็นค่อยไป โดยรูปแบบจะเป็นการขายผ่านตัวแทนจำหน่าย ซึ่งในปีนี้จะมีการขยายมากขึ้น และเดินหน้าทำตลาดอย่างจริงจัง”นางสาววีรวรรณ กล่าว
สำหรับแผนการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ของบริษัท คาดว่าจะออกในช่วงไตรมาส 3 ของปี เป็นแบตเตอรี่ชนิด Sealed Maintenance Free ครอบคลุมตลาดแบตเตอรี่รถยนต์นั่งทุกประเภท เป็นแบตเตอรี่ที่กลุ่มประเทศพัฒนาแล้วส่วนใหญ่นิยมใช้ ซึ่งผลิตภัณฑ์ใหม่ดังกล่าวนอกจากจำหน่ายในต่างประเทศแล้ว บริษัทจะทำตลาดในประเทศด้วยเช่นกัน โดยขณะนี้ขั้นตอนอยู่ระหว่างการทดสอบผลิตภัณฑ์ และเทคโนโลยีการใช้งานให้เหมาะสมกับรถยนต์ทุกประเภท
ส่วนผลประกอบการของบริษัทในช่วงไตรมาส 1 ปีนี้ มีรายได้รวมทั้งสิ้นจำนวน 1,143.19 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีรายได้รวมอยู่ที่ 780.34 ล้านบาท จำนวน 362.85 ล้านบาท หรือ 46.50% และมีผลขาดทุนสุทธิในไตรมาสแรก จำนวน 18.47 ล้านบาท โดยเป็นผลมาจากอัตรากำไรขั้นต้นที่ปรับตัวลดลง จากราคาวัตถุดิบในการผลิตที่ปรับตัวสูงขึ้น
โดยสัดส่วนรายได้ของบริษัทแบ่งเป็น รายได้จากการขายในประเทศ 669.09 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีรายได้อยู่ที่ 465.36 ล้านบาท จำนวน 203.73 ล้านบาท หรือ 43.78% รายได้จากการขายต่างประเทศ 474.10 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีรายได้อยู่ที่ 314.98 ล้านบาท จำนวน 159.12 ล้านบาท หรือ 50.52% อย่างไรก็ตามเชื่อว่าในปีนี้ผลประกอบการของบริษัทจะพลิกกลับมาเป็นกำไรสุทธิอย่างแน่นอน ขณะที่รายได้รวมจะเติบโตเพิ่มขึ้น 10%
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 027494499 ต่อ 873 อัจฉริยา ศรีสุระ(นุก)