การประชุมดังกล่าวจัดขึ้นเพื่อนำเสนอผลงานวิชาการด้านวิทยาศาสตร์ทางทะเล จำนวน 9 สาขา ดังนี้
สาขาปะการัง : ความหลากหลายทางชีวภาพของปะการังแข็งฝั่งทะเลอันดามัน,การศึกษาการลงเกาะของตัวอ่อนปะการังในระยะยาวบริเวณอ่าวลิงเกาะพีพีดอน, การคุกคามของโรคสีชมพูและจุดสีชมพูบนปะการังโขด (Porites lutea) เป็นต้น
สาขาการจัดการ การอนุรักษ์ และการประเมินความเสี่ยง : เขตการบรรจบกันทางทะเลของชีวภูมิศาสตร์อันดามัน,การศึกษาวิธีที่เหมาะสมในการปล่อยปลาการ์ตูนคืนสู่ธรรมชาติ,ผลกระทบจากการท่องเที่ยวและมาตรการการจัดการแนวปะการังน้ำตื้น เกาะไข่นอก จังหวัดพังงา, การศึกษาจำแนกชนิดและปริมาณของขยะทะเลในแนวปะการัง,,ตัวชี้วัดความยั่งยืนสำหรับการจัดการประมงในทะเลสาบสงขลา, การมีส่วนร่วมของประชาชนในการแก้ปัญหาการกัดเซาะและฟื้นฟูพื้นที่ชายฝั่งทะเลกรณีศึกษาบ้านโคกขาม อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร เป็นต้น
สาขาสัตว์หน้าดิน : สัตว์ทะเลหน้าดินในแหล่งหญ้าทะเลบริเวณเกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี, ประชาคมสัตว์พื้นทะเลขนาดกลางในพื้นที่ป่าชายเลน ฝั่งตะวันตกของอ่าวไทย, การฟื้นฟูหอยมือเสือ บริเวณจังหวัดชุมพร เป็นต้น
สาขาแพลงก์ตอน สาหร่าย และแมงกระพรุน : การแพร่กระจายของแมงกะพรุนกล่อง บริเวณเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี, การเปรียบเทียบอัตราการนำเข้าระหว่างแอมโมเนีย-ไนโตรเจนและไนเตรต-ไนโตรเจนของสาหร่ายทะเล 2 ชนิด และอัตราส่วนของไนโตรเจนต่อฟอสฟอรัสที่แตกต่างกัน เป็นต้น
สาขามลภาวะ : การกระจายตัวของคราบน้ำมัน และความเสี่ยงของพื้นที่ต่อการรั่วไหลของน้ำมันในน่านน้ำทะเลไทย, ปริมาณอินทรีย์สารในตะกอนดินชายฝั่งเกาะแสมสารและเกาะค้างคาว จังหวัดชลบุรี, การประเมินความเสี่ยงของสารอาหารในน้ำทะเลบริเวณนิคมอุตสาหกรรมชายฝั่งทะเลภาคตะวันออก, ศึกษาคุณภาพน้ำทะเลบริเวณชายฝั่งอ่าวไทยตอนกลาง เป็นต้น
สาขาปลา ปู และหมึก : ความหลากหลายทางพันธุกรรมของประชากรปลากะพงขาวในประเทศไทยโดยใช้เทคนิคพีซีอาร์-อาร์เอฟแอลพีของไมโตคอน เดรียลดีเอ็นเอ, ผลของระดับความเข้มข้นของออกซิเจนต่อภาวะติดเชื้อในปูแสมที่โตเต็มวัย ในป่าชายเลนอ่าวปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช เป็นต้น
สาขาเพาะเลี้ยงและการใช้ประโยชน์จากทรัพยากร : การเสริมวิตามินซีชนิด L-Ascorbic Acid ในระดับความเข้มข้นต่างๆ ที่มีผลต่ออัตราการเจริญเติบโตและอัตราการรอดตายของลูกปลาการ์ตูนส้มขาว, กรดไขมันไม่อิ่มตัวสูงในทรอสโทไค-ตริดส์ที่คัดแยกได้จากป่าชายเลน จังหวัดสมุทรสาคร เป็นต้น
สาขาสัตว์ถูกคุกคาม : การจำแนกกลุ่มประชากรโลมาอิรวดีในอ่าวไทยตอนบนโดยเปรียบเทียบตำหนิบนครีบหลัง, การจำแนกชนิดโลมาด้วยเทคนิค PCR-RFLP ของบริเวณดีลูปบนไมโตคอนเดรีย, การประเมินมูลค่าที่ไม่ได้เกิดจากการใช้ของสัตว์ที่ใกล้จะสูญพันธุ์: กรณีศึกษาโลมาในประเทศไทย, ความแตกต่างของลักษณะทางเพศบนกระดูกเพววิก (Pelvic) ของพะยูน, หมู่เกาะสิมิลันแหล่งวางไข่เต่าตนุที่ใหญ่ที่สุดของไทยในทะเลอันดามัน, สถานภาพเต่าทะเลเกยตื้นบริเวณอ่าวไทยฝั่งตะวันออก, การศึกษาติดตามการอพยพย้ายถิ่นของลูกเต่าตนุโดยใช้เครื่องส่งสัญญาณดาวเทียม เป็นต้น
สาขาสมุทรศาสตร์กายภาพ รีโมทเซนซิ่ง และโครงการร่วมไทย-เยอรมัน : การพยากรณ์การเคลื่อนตัวของพายุหมุนเขตร้อนในทะเลจีนใต้ด้วยตัวแบบโครงข่ายประสาทเทียม,การพยากรณ์แนวโน้มของระดับน้ำในทะเลอันดามันด้วยตัวแบบถดถอยบนตัวเองเชิงอนุกรมเวลา, การประยุกต์ใช้ข้อมูลภาพถ่ายดาวเทียมในการทำแผนที่ปะการัง, ภาพรวมชุดโครงการความร่วมมือไทย-เยอรมัน เพื่อการศึกษาวิจัยทะเลอันดามัน: ธรณีศาสตร์ นิเวศวิทยา และวิศวกรรมศาสตร์ เพื่อการจัดการภัยพิบัติทางธรรมชาติและการใช้ทรัพยากรทางทะเลอย่างยั่งยืน, การศึกษาผลกระทบจากสึนามิต่อระบบนิเวศป่าชายหาดและการเปลี่ยนแปลงพื้นที่แนวชายฝั่งทะเล บริเวณจังหวัดพังงา เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังมีการบรรยายพิเศษจากนักวิจัยชาวไทยและชาวต่างชาติ อาทิ หัวข้อ “Thailand Marine Biodiversity Outlooks : Challenges and Opportunities” โดย ดร. สิริกุล บรรพพงศ์ สำนักงานแผนและนโยบายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม , หัวข้อ“Ocean Observing System” และ “Thirty years of experiences in marine biodiversity studies in Thailand : Lessons learned” บรรยายโดย Professor Jorgen Hylleberg จาก Arrhus University, Denmark ตลอดจนการแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งทะเล รวมทั้งนิทรรศการของหน่วยงานราชการ และสถาบันการศึกษาต่าง ๆ ด้วย
นายวรรณเกียรติ ทับทิมแสง ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยฯ ทช. กล่าวว่า ทะเลเป็นแหล่งกำเนิดของทรัพยากรเกือบทุกประเภท จึงนับได้ว่าทะเลเป็นแหล่งอาหารที่มีความมั่นคงสำคัญแห่งหนึ่งของโลก ทะเลยังเป็นปัจจัยสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสภาพแวดล้อมของโลก ดังนั้นการศึกษาเรื่องราวของทะเลจึงเป็นหนทางที่จะทำให้รู้จักทะเลมากขึ้นและเป็นประโยชน์ต่อการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ที่จะส่งผลต่อมนุษย์ การประชุมวิชาการวิทยาศาสตร์ทางทะเล ถือเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ที่ศึกษาวิจัยในหลากหลายสาขาวิชาที่เกี่ยวข้องกับทรัพยากรธรรมชาติทางทะเล ได้นำเสนอผลงาน แลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ เพื่อประโยชน์ในการพัฒนาแนวทางการศึกษาวิจัย ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบันรวมถึงการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคต