นายเออิจิ คาโตะ ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) จำกัด สรุปผลการดำเนินงานปี 2552 ว่า บริษัทฯ สามารถรักษาระดับการเติบโตทางธุรกิจที่ 5% หรือคิดเป็นยอดรายได้รวมกว่า 2.1 พันล้านบาท สวนทางกับภาวะการหดตัวของตลาดไอทีในประเทศ โดยมียอดขายอิงค์เจ็ตพรินเตอร์รวมทุกรุ่นเติบโตขึ้น 41% โดยเฉพาะมัลติฟังก์ชั่น พรินเตอร์โตขึ้นถึง 60% และยอดขายโปรเจ็คเตอร์เพิ่มขึ้น 60%
นายคาโตะยังกล่าวถึงผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาสแรกของบริษัทฯ (เอปสันเริ่มต้นปีงบประมาณในเดือนเมษายน) ว่ามีการปรับตัวลดลง ซึ่งเป็นไปตามที่คาดไว้ เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบที่ค่อนข้างรุนแรงกับตลาดไอทีโดยรวม ระดับความมั่นใจของผู้บริโภคลดต่ำลง รวมถึงภาวะการลงทุนของภาครัฐและบริษัทเอกชนก็ชะลอตัว อย่างไรก็ตามภายหลังสถานการณ์ดังกล่าวได้สิ้นสุดลง ทางบริษัทฯ ได้รับสัญญาณที่ดีจากตลาดในทันที มียอดการซื้อสินค้าเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งบ่งบอกถึง การเริ่มกลับมาลงทุนในสินค้าไอทีอีกครั้ง บวกกับโครงสร้างของตลาดและธุรกิจในประเทศไทยที่สินค้าไอทีมีบทบาทสำคัญ มีความเคลื่อนไหวและอัพเดทเทคโนโลยีอยู่เสมอ เอปสัน ประเทศไทย มั่นใจว่าตลาดไอทีจะฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว
“ทิศทางต่อจากนี้ เอปสัน ประเทศไทย จะยังใช้สองเทคโนโลยีสำคัญของบริษัทฯ ได้แก่ เทคโนโลยีหัวพิมพ์ไมโคร ปิเอสโซ ซึ่งได้รับการยอมรับว่าเป็นสุดยอดหัวพิมพ์ที่มีความรวดเร็วและแม่นยำในการฉีดพ่นหมึก และ 3LCD ในโปรเจ็คเตอร์ เป็นจุดขายสำคัญ และในปีนี้ เป็นปีครบรอบ 20 ปีการก่อตั้งเอปสัน ประเทศไทย บริษัทฯ จึงมีความตั้งใจมากเป็นพิเศษ ที่จะเพิ่มยอดขายและขยายส่วนแบ่งตลาด ให้ทะลุเป้าการเติบโตของรายได้รวมที่ตั้งไว้ที่ 10% หรือ 2.3 พันล้านบาท ถึงแม้จะได้รับการท้าทายจากปัจจัยทางด้านเศรษฐกิจและการเมืองภายในประเทศ” นายคาโตะ สรุป
ทางด้าน นายยรรยง มุนีมงคลทร ผู้จัดการทั่วไป ด้านการขายผลิตภัณฑ์และการตลาด บริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ในปี 2552 สินค้าที่เป็นไฮไลท์ของบริษัทฯ ได้แก่ มัลติฟังก์ชั่น พรินเตอร์ ที่มียอดขายเพิ่มขึ้นถึง 60% เนื่องจากบริษัทฯ เน้นการขายผ่านช่องทางโมเดิร์นเทรด และตลาดต่างจังหวัดมากขึ้น ซึ่งปัจจุบัน โมเดิร์นเทรดกลายเป็นช่องทางสำคัญสำหรับการเลือกซื้อสินค้าไอทีของคนรุ่นใหม่ และโปรเจ็คเตอร์ ซึ่งมียอดขายเพิ่มขึ้น 60% เช่นเดียวกัน เนื่องจากบริษัทฯ สามารถเจาะเข้ากลุ่มตลาดสถาบันการศึกษา เพราะมีสินค้าที่ครบไลน์ให้ลูกค้าได้เลือกตามความต้องการ ทั้งยังลงพื้นที่ทำการตลาดแบบถึงตัวลูกค้าอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังเน้นการขายโปรเจ็คเตอร์รุ่นระดับกลางถึงบน ซึ่งมีมูลค่าสูงกว่าอีกด้วย”
“สำหรับในปี 2553 หมวดสินค้าที่บริษัทฯ จะโฟกัสจะอยู่ในกลุ่มธุรกิจ เนื่องจากมีมูลค่าสูง และมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี ซึ่งประกอบด้วยสินค้าสำหรับกลุ่ม SME ได้แก่อิงค์เจ็ตพรินเตอร์รุ่นระดับกลาง ที่มีราคา 3 — 4 พันบาทขึ้นไป โปรเจ็คเตอร์ ทีเอ็มพรินเตอร์ ดอทเมทริกซ์ พรินเตอร์ สแกนเนอร์ รวมถึงสินค้าสำหรับตลาดใหม่ อย่างพรินเตอร์หน้ากว้าง และพาสบุ๊คพรินเตอร์” นายยรรยง กล่าวต่อ
นายยรรยง กล่าวถึงกลยุทธ์ในการทำการตลาดของบริษัทฯ ว่า บริษัทฯ จะยังคงสานต่อกลยุทธ์ EXCEED จากปีที่แล้ว ซึ่งทำให้เอปสัน ประเทศไทย สามารถปรับตัวตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงและพัฒนางานด้านต่างๆ ไปได้ในทิศทางเดียวกัน โดยในปีนี้ ได้กำหนดแผนปฏิบัติการที่ลงรายละเอียดมากยิ่งขึ้น
กลยุทธ์ EXCEED ประกอบด้วย
1) Expand Channel การขยายจำนวนและเพิ่มความแข็งแกร่งของช่องทางจำหน่าย
2) X-periences Epson Technology หรือ การสร้างประสบการณ์จริงต่อผู้ใช้ในการใช้เทคโนโลยีของเอปสัน ซึ่งสำหรับ สินค้าไฮเอ็น ลูกค้าสามารถเข้ามาทดลองใช้ได้ที่เอปสัน โซลูชั่น เซ็นเตอร์ และยังมีการจัดโร้ดโชว์นำสินค้าใหม่ไปให้ ลูกค้าตามหัวเมืองใหญ่ได้ทดลองใช้ถึงที่ รวมถึงการจัดแคมเปญ Epson WE CARE สำหรับลูกค้าใช้หมึกแท้
3) Customer Satisfaction การยกระดับความพึงพอใจของลูกค้าด้วยบริการ ในปีที่ผ่านมา เอปสัน ประเทศไทย สามารถ เพิ่มจำนวนศูนย์บริการได้ตรงตามเป้าที่กำหนดไว้ โดยเพิ่มจาก 87 แห่ง ในปี 2551 เป็น 105 แห่ง ครอบคลุมทุก ภูมิภาคของประเทศ และในปีนี้ ยังมีแผนเพิ่มอีก 5 แห่ง เป็น 110 แห่ง นอกจากนี้ ยังเน้นการพัฒนาทักษะของช่างซ่อม ที่ศูนย์บริการอย่างต่อเนื่อง บวกกับการควบคุมคุณภาพการให้บริการของแต่ละศูนย์ ด้วยโปรแกรมประเมินผลและ การจัดเทรนนิ่ง
4) Enhance New Market หมายถึงการสร้างตลาดใหม่ โดยมีเทคโนโลยีเป็นตัวนำ ตั้งแต่ตลาด SME ไปจนถึงตลาด อุตสาหกรรม ทั้งภาครัฐ และภาคการศึกษา ทางเอปสัน ประเทศไทย จะส่งสินค้าใหม่ๆ เข้าไปเสนอ
5) Educate Epson Value หรือการให้ความรู้แก่ลูกค้าเกี่ยวกับคุณค่าของเอปสัน ซึ่งจะยังเน้นการให้ความรู้แก่พาร์ทเนอร์ ของบริษัทฯ เกี่ยวกับไมโคร ปิเอสโซ และ 3LCD
6) Dynamic Product Line UP คือ การออกผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ตรงตามความต้องการกลุ่มลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นอิงค์เจ็ตพรินเตอร์รุ่นระดับกลางที่จะนำไปแทนที่เลเซอร์พรินเตอร์ในบริษัทหรือสำนักงานต่างๆ โดยมี คุณสมบัติการพิมพ์สี และราคาที่ถูกกว่าเป็นจุดขาย หรือโปรเจ็คเตอร์รุ่นใหม่ที่มีคุณสมบัติ เฉพาะกลุ่มผู้ใช้แต่ละ ประเภท ไม่ว่าจะเป็นสถาบันศึกษา หรือ องค์กรบริษัท หรือแม้แต่เครื่องสำหรับโฮมเธียเตอร์ในที่พักอาศัย
“และเพื่อเป็นการกระตุ้นตลาด และขอบคุณลูกค้าของเอปสัน ทางบริษัทฯ ยังได้จัดโปรโมชั่นพิเศษ “เอปสันฉลองครบรอบ 20 ปี แจกทอง 20 สัปดาห์” มูลค่ารางวัลรวมกว่า 2 ล้านบาท ซึ่งจะมีขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายนไปจนถึงตุลาคม ลูกค้าสามารถลุ้นเป็นผู้โชคดีได้ทุกสัปดาห์ คว้ารางวัลทองคำและรางวัลอื่นอีกมากมาย จากการจับรางวัลทางรายการ 07 โชว์ ทุกวันอาทิตย์ เวลา 15.45 - 17.00 น. นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังจัดโปรแกรม Epson Special Support Program สำหรับลูกค้า SME ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบที่ผ่านมา โดยลูกค้าที่เลือกซื้อสินค้าเอปสันที่ร่วมโครงการ ภายในงาน COMMART ที่จะมีขึ้นระหว่าง 24-27 มิถุนายนนี้ และทำการผ่อนชำระผ่านบัตรเครดิตเคทีซี Flexi ดอกเบี้ย 0% นาน 10 เดือน เอปสัน ประเทศไทย จะช่วยจ่ายเงินผ่อน 3 เดือนแรกคืนให้กับลูกค้า เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายให้กับลูกค้า” นายยรรยง กล่าวทิ้งท้าย
เกี่ยวกับเอปสัน ประเทศไทย
บริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) จำกัด ก่อตั้งขึ้นที่กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย ในเดือนตุลาคม 2533 โดยครอบคลุมการบริหารตลาดประเทศไทยและอินโดจีน (เวียดนาม พม่า ลาว และกัมพูชา) ปัจจุบันเอปสัน (ประเทศไทย) มีพนักงาน 123 คนและเครือข่ายตัวแทนจำหน่าย 204 แห่งทั่วประเทศ สินค้าเอปสันได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่าเป็นผู้นำในตลาดสินค้าไอทีที่มีความทนทานและฟังก์ชั่นการทำงานที่ดีเยี่ยม โปรเจ็คเตอร์เอปสันซึ่งใช้เทคโนโลยี 3LCD และ E-TORL ลิขสิทธิ์ของเอปสันได้เจาะตลาดประเทศไทยและขยายสัดส่วนการตลาดอย่างรวดเร็ว พรินเตอร์ของเอปสันได้รับการพิจารณาว่าเป็นแบรนด์ชั้นนำในทุกตลาดตั้งแต่ในกลุ่มมืออาชีพ กลุ่มลูกค้าองค์กร และกลุ่มผู้ใช้ทั่วไป ในขณะที่บริษัทฯ ยังคงคุณภาพมาตรฐานอันดีเยี่ยมของสินค้าและการบริการเหนือระดับ เอปสันจะยังคงคิดค้นนวัตกรรมอย่างต่อเนื่องควบคู่ไปกับการคำนึกถึงสิ่งแวดล้อม
www.epson.co.th