SSE ประกาศซื้อหุ้น EPCO หุ้นละไม่เกิน 2 บ.ชี้ข้อดีได้รับปันผลสม่ำเสมอ-เกิด synergy ธุรกิจทั้งสองฝั่ง

จันทร์ ๑๔ มิถุนายน ๒๐๑๐ ๑๗:๒๔
บมจ.ซันไชน์ คอร์เปอเรชั่น หรือ SSE ประกาศเข้าซื้อหุ้นของ EPCO สัดส่วนไม่เกินร้อยละ 39.75 ในราคาหุ้นละไม่เกิน 2 บาท จากผู้ถือหุ้นใหญ่ 2 ราย คือ “บมจ.เอส แพ็ค แอนด์ พริ้นท์” และ Asia Special Situations MT1 Limited โดย Somers (U.K.) Limited แจงประโยชน์ที่ได้รับเนื้อๆ คือเงินปันผลที่ EPCO จ่ายสม่ำเสมอในอัตราที่สูง โดยคิดเป็น Dividend Yield มากกว่าร้อยละ 10 ทุกปี อีกทั้งเป็นการเกื้อหนุนธุรกิจของทั้ง 2 ฝั่งให้เกิดประโยชน์ร่วมกันจากความต้องการด้านงานพิมพ์ โดยมีฐานลูกค้ามาจาก “อควา คอร์เปอเรชั่น” ซึ่งเป็นบริษัทย่อย และเป็นลูกค้าคนละกลุ่มกับของ EPCO นอกจากนี้บอร์ด SSE ยังอนุมัติให้ “อควา คอร์เปอเรชั่น” เข้าไปลงทุนใน บริษัท มีเดีย 360 จำกัด โดยถือหุ้นร้อยละ 100 และ บริษัท อควา มีเดีย 360 จำกัด โดยถือหุ้นร้อยละ 49 นางชวนพิศ ฉายเหมือนวงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซันไชน์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (SSE) เปิดเผยว่าที่ประชุมคณะกรรมการของบริษัท ครั้งที่ 7/2553 เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2553 ได้มีมติอนุมัติการเข้าซื้อหุ้นของบริษัท โรงพิมพ์ตะวันออก จำกัด (มหาชน) (EPCO)ในสัดส่วนไม่เกินร้อยละ 39.75 ของทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้ว หรือไม่เกิน 204,851,734 หุ้น ในราคาหุ้นละไม่เกิน 2.00 บาท (ในกรณีที่มีการจ่ายเงินปันผลระหว่างวันที่ทำสัญญาจนกระทั่งก่อนการซื้อขายแล้วเสร็จ ให้ปรับลดราคาเท่ากับจำนวนเงินปันผลที่ประกาศจ่ายไป) คิดเป็นมูลค่ารวมไม่เกิน 409.70 ล้านบาท โดยจะซื้อหุ้นจากผู้ถือหุ้นรายใหญ่ 2 ราย และบุคลอื่น คือ 1) บริษัท เอส แพ็ค แอนด์ พริ้นท์ จำกัด (มหาชน) (SPACK) จำนวน 128, 544,575 หุ้น คิดเป็นมูลค่า 257.09 ล้านบาท และ 2) Asia Special Situations MT1 Limited โดย Somers (U.K.) Limited จำนวน 76,307,159 หุ้น คิดเป็นมูลค่า 152.61 ล้านบาท โดยแหล่งเงินทุนที่ใช้ครั้งนี้มาจากเงินสดคงเหลือของบริษัท และจากการกู้ยืมจากสถาบันการเงิน หรือจากบุคคลภายนอก

ประโยชน์ที่คาดว่า SSE จะได้รับจากการเข้าลงทุนใน EPCO คือ EPCO เป็นบริษัทที่มีฐานะมั่นคง มีผลประกอบการที่ดี มีการจ่ายเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอในอัตราที่สูง (Dividend Yield มากกว่าร้อยละ 10 ทุกปี) ซึ่งจะทำให้บริษัท มีรายได้รวมเพิ่มขึ้นตามสัดส่วนที่ถืออย่างสม่ำเสมอ นอกจากนั้นในปัจจุบันธุรกิจหลักของ SSE จะเป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสื่อโฆษณาเป็นหลัก โดยผ่านทาง บมจ.อควา คอร์เปอเรชั่น ซึ่งลูกค้าของ บมจ.อควา คอร์เปอเรชั่น ไม่ว่าจะอยู่ในธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภค ธุรกิจยานยนต์ หรืออสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นลูกค้าคนละกลุ่มกับของ EPCO ก็ล้วนแต่มีความต้องการงานพิมพ์ทั้งสิ้น จึงสามารถเพิ่มมูลค่าในการให้บริการลูกค้าของกลุ่มบริษัท และเพิ่มฐานลูกค้าของ EPCOได้ในอนาคต และถึงแม้ว่าการซื้อหุ้น EPCO ในราคา 2 บาท (สามารถหักด้วยเงินปันผลระหว่างกาลได้) จะเป็นราคาที่สูงกว่าราคาตลาดปัจจุบันประมาณร้อยละ 7 แต่หากพิจารณาศักยภาพของ EPCO แล้วจะเห็นว่า EPCO มีความสามารถในการทำกำไรและจ่ายเงินปันผลในอัตราที่สูงอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะมีราคาพื้นฐานไม่ต่ำกว่า 2.47 บาท

สำหรับขั้นตอนการดำเนินการ ภายหลังจากที่การซื้อขายเสร็จสิ้น SSE วางแผนที่จะส่งผู้แทนเข้าเป็นกรรมการของ EPCO โดยมีนโยบายที่จะคงพนักงานในระดับบริหารไว้ตามเดิม และเนื่องจากการซื้อขายในครั้งนี้ จะทำให้ SSE ถือหุ้นใน EPCO เกินร้อยละ 25 จึงจำเป็นที่จะต้องจัดทำคำเสนอซื้อหุ้นทั้งหมดของ EPCO ตามกฎเกณฑ์ของคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ภายในเงื่อนไขและระยะเวลาที่กำหนดในประกาศของก.ล.ต.ที่เกี่ยวข้อง

“ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท พิจารณาแล้วเห็นว่า การเข้าทำรายการดังกล่าวจะส่งผลดีต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัทในระยะยาว เนื่องจากธุรกิจสิ่งพิมพ์ของ EPCO มีความเกี่ยวเนื่องกับธุรกิจสื่อโฆษณาของ บมจ.อควา คอร์เปอเรชั่น ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ซึ่งจะสามารถเพิ่มมูลค่าในการให้บริการลูกค้าของกลุ่มบริษัท และเพิ่มฐานลูกค้าของ EPCO ได้ในอนาคต ประกอบกับ EPCO เป็นบริษัทที่มีฐานะมั่นคง มีผลประกอบการที่ดี มีการจ่ายเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งจะทำให้บริษัทมีรายได้รวมเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม แม้ว่าราคาที่บริษัทเสนอซื้อจะสูงกว่าราคาตลาดในปัจจุบัน แต่เมื่อพิจารณาผลการดำเนินงานและปัจจัยพื้นฐานของ EPCOแล้ว เห็นว่าราคาที่เสนอซื้อเป็นราคาไม่สูงเกินไป และมีความเหมาะสม”

บมจ.โรงพิมพ์ตะวันออก ประกอบธุรกิจหลักประเภทรับจ้างพิมพ์ ถือเป็นผู้ผลิตสิ่งพิมพ์ที่ดำเนินธุรกิจโรงพิมพ์ในลักษณะให้บริการครบวงจรเริ่มตั้งแต่การวางแผนการผลิต รับจัดทำต้นฉบับ จัดหน้า ออกแบบ แยกสี ถ่ายภาพขาวดำ ทำเพลท ทำปรู๊ฟพิมพ์ออฟเซต ทั้งระบบป้อนแผ่นและป้อนม้วน พับ เข้าเล่ม ไสกาว จนกระทั่งเข้าเล่มเป็นสิ่งพิมพ์สำเร็จรูป ปัจจุบันมีทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 515,410,201 บาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ515,410,201 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท

พร้อมกันนี้ได้มีการประมาณการรายได้ของ EPCO ด้วย โดยพิจารณาจากแผนการตลาดของบริษัท คาดว่าจะมีการเจริญเติบโตของยอดขายไม่น้อยกว่าร้อยละ 15 ในปี 2553 และไม่น้อยกว่าร้อยละ 10 ต่อปี ในปี 2554 และ 2555 โดยในปี 2556 เป็นต้นไป จะมีอัตราการเจริญเติบโตไม่น้อยกว่าร้อยละ 5 ต่อปี โดยในปี 2553 คาดว่าจะมีรายได้ 691.89 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 124.65 ล้านบาท และในปี 2554 คาดว่ารายได้จะเพิ่มขึ้นเป็น 761.08 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 119.96 ล้านบาท

นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการของบริษัทฯ อนุมัติการลดทุนจดทะเบียนของ บมจ.อควา คอร์เปอเรชั่น จำนวน 85.8 ล้านบาท หรือจากเดิม 425 ล้านบาท ลดลงเหลือ 339.2 ล้านบาท เนื่องจากเป็นหุ้นที่จัดสรรไว้เพื่อเสนอขายแก่ประชาชนและบุคคลทั่วไปเป็นครั้งแรก ( IPO) แต่ยังไม่ได้ดำเนินการ และให้ บมจ.อควา คอร์เปอเรชั่น เข้าซื้อหุ้นของบริษัท มีเดีย 360 จำกัด (เดิมชื่อ "บริษัท เอวิว มีเดีย 360 จำกัด) จำนวน 163,000 หุ้น ในราคาหุ้นละ 763.12 บาท (มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาท) คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 100 ของทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้ว โดยการออกหุ้นใหม่ ของ บมจ.อควา คอร์เปอเรชั่น จำนวน 105,863,100 หุ้น ในราคาหุ้นละ 1.175 บาท (มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท)คิดเป็นมูลค่า 124.39 ล้านบาท เพื่อชำระค่าสินทรัพย์ และเป็นการซื้อสินทรัพย์จากบุคคลที่เกี่ยวโยงกัน 73,350 หุ้นคิดเป็นมูลค่า 55.97 ล้านบาท ซึ่งเป็นรายการได้มาซึ่งสินทรัพย์และรายการที่เกี่ยวโยงกัน โดยให้เสนอขออนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทต่อไป

และให้ บมจ.อควา คอร์เปอเรชั่น เข้าซื้อหุ้นของบริษัท อความีเดีย 360 จำกัด (เดิมชื่อ "บริษัท อควา เทเลวิชั่น จำกัด) จำนวน 24,500 หุ้น ในราคาหุ้นละ 572.48 บาท (มูลค่าที่ตรา ไว้หุ้นละ 100 บาท) คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 49 ของทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้ว โดยการออกหุ้นใหม่ ของ บมจ.อควาคอร์เปอเรชั่น จำนวน 11,936,900 หุ้น ในราคาหุ้นละ 1.175 บาท (มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท) คิดเป็นมูลค่า 14.03 ล้านบาท เพื่อชำระค่าสินทรัพย์ และเป็นการซื้อสินทรัพย์จากบุคคลที่เกี่ยวโยงกัน 2,250 หุ้น คิดเป็นมูลค่า 1.29 ล้านบาท ซึ่งเป็นรายการได้มาซึ่งสินทรัพย์และรายการที่เกี่ยวโยงกัน โดยให้เสนอขออนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทต่อไป

นอกจากนี้ ได้อนุมัติให้เพิ่มทุนจดทะเบียนของ บมจ.อควา คอร์เปอเรชั่น จำนวน 260.8 ล้านบาทโดยแบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 260.8 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท หรือจากเดิม 339.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเป็น 600 ล้านบาท พร้อมให้สัตยาบันรายการให้เงินกู้ยืมของ บมจ.อควา คอร์เปอเรชั่น จำนวน 30 ล้านบาท ให้แก่บริษัท อควา มีเดีย 360 จำกัด

บมจ.ซันไชน์ คอร์เปอเรชั่น กำหนดวันประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2553 ในวันที่ 30 กรกฎาคม 2553 โดยกำหนดให้วันที่ 2 กรกฎาคม 2553 เป็นวันให้สิทธิผู้ถือหุ้นเข้าร่วมการประชุม ( Record Date) เข้าร่วมประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2553 โดยจะรวบรวมรายชื่อตามมาตรา 225 ของพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 (แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2551) ด้วยวิธีปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นในวันที่ 5 กรกฎาคม 2553

ข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ :

IR Network : คุณณัฐสินี ระเบียบนาวีนุรักษ์ (เก๋) Mobile 080-999-8028 e-mail : [email protected]

คุณณัฐพงษ์ ใจแกล้ว (มิกซ์) Mobile 081-401-0226 e-mail : [email protected]

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๒๑ 60 ปีแห่งความมุ่งมั่น! คาโอ คว้ารางวัลอุตสาหกรรมดีเด่น 2 ประเภทในปี 2567 ชูความสำเร็จด้านสิ่งแวดล้อมและความรับผิดชอบต่อสังคม
๑๗:๒๓ AVATR ก้าวสู่ความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่! ระดมทุนในรอบ Series C ได้มากกว่า 11,000 ล้านหยวน พร้อมก้าวสู่ความเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าหรูหราแห่งอนาคต
๑๗:๐๖ Zoom เปิด 10 เทรนด์ ใช้ AI ในการทำงานปี 2568
๑๗:๑๐ เปิดมุมมองอาชีพที่หลากหลายในอุตสาหกรรมกาแฟไทย เจาะลึกบทบาทและแนวทางยกระดับสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
๑๗:๑๔ อนาคตแห่งการเดินทาง: 5 คนขับ AI จากแอปเรียกรถ Maxim
๑๗:๕๕ Well-Being House บ้านชั้นเดียวเอาใจคนวัยเกษียณ
๑๗:๑๖ กทม. แจงเปิดกว้างการแข่งขันโครงการเช่าคอมพิวเตอร์พกพาสำหรับนักเรียน
๑๖:๓๗ รายงาน Ericsson Mobility Report ฉบับล่าสุด เผยผู้เริ่มให้บริการ 5G กลุ่มแรกกำลังมุ่งสู่โมเดลธุรกิจที่เน้นประสิทธิภาพ
๑๗:๒๕ เมดีซ กรุ๊ป ร่วมสมทบทุนสนับสนุนมูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช ช่วยผู้ป่วยในชนบท ถิ่นทุรกันดารที่ห่างไกล
๑๖:๔๔ CNN จับตา นวัตกรรมล่าสุดจากนักวิจัยไทย พลิกโฉมการตรวจคัดกรองความเครียดด้วย เหงื่อ