นายจะเด็จ เชาว์วิไล ผู้จัดการมูลนิธิเพื่อนหญิง กล่าวว่า จากกระแสฟุตบอลโลก ๒๐๑๐มีการเล่นพนันบอลแพร่หลายมากขึ้น และแพร่ระบาดไปในเขตชุมชน โดยเฉพาะเด็กและเยาวชนที่ติดหนี้พนันบอล จนต้องกลายเป็นเด็กเดินโพยบอล เพื่อหาเงินใช้หนี้ หรือแม้แต่การนำแฟนสาวไปใช้หนี้แก้ขัด และก่ออาชญากรรมอื่นๆ ซึ่งเป็นปัญหาความรุนแรงที่ส่งผลต่อครอบครัวไปจนถึงสังคมมูลนิธิฯ จึงเสนอ ๔ แนวทางในการแก้ไขปัญหา ได้แก่ ๑.ให้ พม.สนับสนุนองค์ความรู้และจัดสรรงบประมาณให้กับอาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (อพม.) ทั่วประเทศ เพื่อใช้ในการสอดส่องดูแลปัญหาการเล่นพนันบอลและการพนันทุกชนิด ๒.มีแผนการดำเนินงานเชิงรุกในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการพนันในระยะยาว เพื่อวางมาตรการป้องกันและแก้ไขอย่างเป็นระบบ ๓.เร่งตรวจสอบหอพักนักศึกษาทั่วประเทศ และ ๔.พม.ควรแสดงจุดยืนและมีมาตรการที่ถูกต้องในการแก้ปัญหาโดยเร่งด่วน
นายวัชรา บัวทอง ผู้ประสานงานมูลนิธิเยาวชนเพื่อการพัฒนา กล่าวว่า ขณะนี้ มีนักศึกษาติดพนันบอลเพิ่มมากขึ้น โดยต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเล่นพนันอยู่ที่หลักหมื่นบาทต่อเดือน และยังมีการเดินโพยพนันบอลเข้าไปถึงในหอพัก โดยมีเจ้าของหอพักหรือผู้ที่ดูแลหอพักรู้เห็นเป็นใจด้วย
ด้านนายอิสสระ สมชัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวว่า ในช่วงเทศกาลการแข่งขันฟุตบอลโลกเป็นช่วงที่มีการเล่นพนันเพิ่มสูง โดยปัจจุบันมีรูปแบบการเล่นออนไลน์ที่ทำได้สะดวก สามารถเข้าถึงการเล่นพนันบอลได้ง่ายยิ่งขึ้น ส่งผลให้สถิติอาชญากรรมเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วยเช่นกัน จากปัญหานี้ กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ได้มอบนโยบายให้อาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (อพม.) ทั่วประเทศ ช่วยสอดส่องดูแล โดยเป็นนักเฝ้าระวังคอยรายงานสถานการณ์เกี่ยวกับการพนันบอลในพื้นที่ รวมทั้งให้เด็กและเยาวชนทั่วประเทศ เข้ามามีส่วนร่วมในการเฝ้าระวัง สอดส่อง รวมทั้งแจ้งเบาะแสพฤติกรรมเสี่ยงต่างๆ ตามชุมชน และสถาบันการศึกษาทุกแห่ง เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น โดยเห็นว่าการพนันเป็นเรื่องผิดกฎหมาย และเป็นหน้าที่ของหน่วยงานตำรวจที่น่าจะรู้ดีที่สุดว่าแหล่งใดมีการเล่นพนัน จึงควรเป็นหน่วยงานหลักในการเข้ามาดูแลแก้ไขปัญหา และใจเอาใส่จับกุมผู้กระทำผิดอย่างจริงจัง ส่วนปัญหามีการเล่นพนันบอลในหอพัก จะประสานไปยังสำนักงานส่งเสริมสวัสดิภาพและพิทักษ์เด็ก เยาวชน ผู้ด้อยโอกาส และผู้สูงอายุ พม. ให้เข้ามาดูแลจัดการต่อไป