ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตองค์กร “ไมด้า แอสเซ็ท” ระดับ “BBB+” พร้อมแนวโน้ม “Stable”

พฤหัส ๑๐ มีนาคม ๒๐๐๕ ๐๘:๕๖
กรุงเทพฯ--10 มี.ค.--ทริสเรทติ้ง
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จัดอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท ไมด้า แอสเซ็ท จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “BBB+” พร้อมแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะที่แข็งแกร่งในธุรกิจการขายเช่าซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านในเขตชนบท ตลอดจนการมีเครือข่ายสาขาที่ครอบคลุมทั่วประเทศ และการมีคณะผู้บริหารที่มีประสบการณ์ อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตมีข้อจำกัดบางส่วนจากการที่ธุรกิจดังกล่าวของบริษัทเพิ่งเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาและการที่ผลงานในการบริหารสินเชื่อขนาดใหญ่ยังมีไม่มาก นอกจากนี้ ยังรวมถึงข้อจำกัดจากคุณภาพเครดิตของฐานลูกค้าระดับล่าง โดยทริสเรทติ้งกล่าวว่าอันดับเครดิตดังกล่าวอยู่บนสมมติฐานที่กระแสเงินสดของบริษัทจะแข็งแกร่งขึ้นในอีก 2-3 ปีข้างหน้าจากการที่คณะผู้บริหารจะเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานหลังจากที่บริษัทมีการขยายตัวในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา
ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงการคาดการณ์ว่าภายใต้นโยบายที่ต่อเนื่องของภาครัฐในการพัฒนาชนบท คณะผู้บริหารที่มีประสบการณ์ของบริษัทจะสามารถขยายสินเชื่อเพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นในพื้นที่ชนบทได้
ทริสเรทติ้งยังคาดว่าบริษัทจะคงสัดส่วนหนี้สินในระดับปัจจุบันเพื่อลดความเสี่ยงที่เกิดจากคุณภาพเครดิตของลูกค้าที่อยู่ในระดับต่ำ ทั้งนี้ หากบริษัทมีนโยบายทางการเงินในเชิงรุกหรือมีการเสื่อมคุณภาพของสินทรัพย์อย่างมีนัยสำคัญ ทริสเรทติ้งก็อาจต้องทบทวนแนวโน้มอันดับเครดิตหรือทบทวนอันดับเครดิตของบริษัทใหม่
ทริสเรทติ้งกล่าวว่า นโยบายส่งเสริมเศรษฐกิจระดับรากหญ้าที่ต่อเนื่องของรัฐบาลได้ส่งผลให้อำนาจซื้อของประชากรในชนบทมีเพิ่มสูงขึ้น ในขณะเดียวกัน ระดับรายได้ที่สูงขึ้น ตลอดจนการแข่งขันตัดราคาในกลุ่มผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้า และความก้าวหน้าของเทคโนโลยีที่ทำให้เกิดผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจไม่ว่าจะเป็นโทรทัศน์จอแบน หรือเครื่องเล่นวีซีดี และเครื่องเล่นดีวีดี ล้วนกระตุ้นให้มีความต้องการในการซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ความไม่แน่นอนของรายได้ในกลุ่มลูกค้าเป้าหมายจะส่งผลกระทบต่อคุณภาพสินทรัพย์ของบริษัท ทั้งนี้ สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อสินเชื่อรวมเฉลี่ย (ค้างชำระมากกว่า 3 เดือน) ของบริษัทเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจาก 6.6% ในปี 2545 เป็น 8.8% ในปี 2546 และ 10.9% ในปี 2547 (งบการเงินเดี่ยว) หลังจากที่บริษัทขยายตัวอย่างรวดเร็วในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา คณะผู้บริหารจึงวางแผนในการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานในระยะสั้นถึงระยะปานกลางเพื่อพิสูจน์ให้เห็นถึงความสามารถในการรักษาคุณภาพของสินเชื่อรวมซึ่งมีขนาดใหญ่ให้อยู่ในระดับที่ยอมรับได้ ในขณะที่สัดส่วนหนี้สินในระดับต่ำและกำไรจากการดำเนินงานในระดับสูงช่วยชดเชยความเสียหายจากการเสื่อมคุณภาพของสินทรัพย์ของบริษัท ทริสเรทติ้งกล่าว--จบ--

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๐ ม.ค. ซีอีโอธุรกิจธนาคารเดิมพันกับเทคโนโลยีเกิดใหม่แม้มีช่องว่างทางทักษะ
๑๐ ม.ค. เครียดจริงหรือแค่คิดไปเอง? เช็คระดับความเครียดของคุณใน 5 นาที
๑๐ ม.ค. อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต จัดงาน Agency Kick off 2025 รวมพลังฝ่ายขาย มุ่งสู่ความเป็นเลิศในทุกด้าน
๑๐ ม.ค. ซัมซุง ปล่อยทีเซอร์เล่นใหญ่รับต้นปี เตรียมพบ Galaxy AI ผู้ช่วยส่วนตัวคนใหม่
๑๐ ม.ค. ซัมซุง ดึง แม่ชม พร้อมด้วย พี่จอง-คัลแลน ปล่อยทีเซอร์เล่นใหญ่รับต้นปี เตรียมพบ Galaxy AI ผู้ช่วยส่วนตัวคนใหม่
๑๐ ม.ค. มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ขยายพื้นที่ บรรเทาทุกข์ มอบไออุ่น แก่ผู้ประสบภัยหนาวในถิ่นทุรกันดารพื้นที่จังหวัดสุพรรณบุรี และชัยนาท รวมมูลค่ากว่า 8
๑๐ ม.ค. ร่วมสำรวจอนาคตธุรกิจโลจิสติกส์ไทยในงานสัมมนาออนไลน์ฟรี!
๑๐ ม.ค. ปีใหม่จะไม่โสด! Tinder เผยอาทิตย์แรกเดือน ม.ค. ปัดขวาคึกคักที่สุด
๑๐ ม.ค. MPJ แย้มข่าวดีรับปีใหม่ รุกขยายลานตู้ที่ศรีราชาครั้งใหญ่ คาดเพิ่มรายได้ลานตู้ 52%
๑๐ ม.ค. COVERMARK จัด Precious Bright Promotion ต้อนรับลูกค้าใหม่