รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังเยี่ยมกรมสรรพสามิต พร้อมเปิด สายด่วน สรรพสามิต 1713

พฤหัส ๒๔ มิถุนายน ๒๐๑๐ ๑๗:๑๓
วันนี้ (24 มิถุนายน 2553) ดร.มั่น พัธโนทัย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เดินทางมาเยี่ยมกรมสรรพสามิต พร้อมมอบนโยบายการจัดเก็บภาษีของกระทรวงการคลังให้แก่ คณะผู้บริหารและข้าราชการกรมสรรพสามิต และให้เกียรติเป็นประธานในพิธีเปิดการใช้ระบบสายด่วน สรรพสามิต 1713 โดยมี ดร.อารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม อธิบดีกรมสรรพสามิต คณะผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่กรมสรรพสามิตให้การต้อนรับ

ดร.มั่น พัธโนทัย เปิดเผยถึงการดำเนินงานของกรมสรรพสามิตที่ผ่านมาว่าเป็นหน่วยงาน ที่มีศักยภาพทางด้านการจัดเก็บภาษีค่อนข้างสูง และให้ความสำคัญกับการบริการภาคประชาชน ดังจะ เห็นได้จากมีการจัดทำสำนักงาน Smart office ซึ่งเป็นสำนักงานที่ให้บริการแบบเบ็ดเสร็จ โดยได้ดำเนินการไปแล้วในเขตกรุงเทพมหานคร และจะขยายการบริการให้ครอบคลุมทั่วประเทศภายในสิ้นปี 2553 นี้ ซึ่งในวันนี้นับว่าเป็นอีกก้าวหนึ่งของกรมสรรพสามิตที่จะยกระดับการให้บริการประชาชนเพิ่มขึ้น ด้วยการเปิดช่องทางในการติดต่อสื่อสารของประชาชนผ่าน “สายด่วน สรรพสามิต 1713”

ดร.อารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม กล่าวว่ากรมสรรพสามิตได้ปรับปรุงการบริหารงานในทุกๆ ด้านอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความชัดเจนและมาตรฐานในการจัดเก็บภาษีสรรพสามิต รวมถึงอำนวยความสะดวกแก่ ผู้เสียภาษีและประชาชน อาทิ

1. ด้านนโยบาย

1) จัดทำแผนแม่บทภาษีสรรพสามิต เพื่อเป็นกรอบแนวทางการพัฒนาภาษีสรรพสามิต โดยมีการศึกษาร่วมกับภาคเอกชน

2) ปรับปรุงกฎหมาย 4 ฉบับ ได้แก่ พระราชบัญญัติยาสูบ พ.ศ.2509 พระราชบัญญัติสุรา พ.ศ.2493 พระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ.2527 และพระราชบัญญัติพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2527 โดยปัจจุบันได้เสนอร่างพระราชบัญญัติยาสูบ พ.ศ. 2509 ให้กระทรวงการคลังเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรี

3) สร้างความชัดเจนในเรื่องการจัดเก็บภาษี ซึ่งได้ดำเนินการหารือร่วมกับภาคเอกชน โดยได้ดำเนินการยกเลิกการจัดเก็บภาษีเครื่องปรับอากาศ เฉพาะที่ใช้กับอาคารสำนักงานและที่พักอาศัย ที่มีขนาดต่ำกว่า 72,000 บีทียู ทั้งนี้ เพื่อให้มีการแข่งขันขันอย่างเสรีและเป็นธรรม และมีการยกเว้นภาษีสรรพสามิตให้แก่ธุรกิจสปา เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2552 เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวโดยเฉพาะการท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพของชาวต่างชาติ

ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาสร้างความชัดเจนในอีกหลายประการ ได้แก่ ลดภาระการยื่นเอกสารต่างๆ ของสินค้าประเภทเครื่องดื่มประเภทน้ำพืชผักผลไม้ของผู้ประกอบการทางอินเตอร์เน็ต การพิจารณายกเว้นแก้วเลดคริสตัลที่นำมาเป็นวัตถุดิบหรือส่วนประกอบในการผลิตสินค้า เช่น เครื่องประดับ และการพิจารณายกเว้นภาษีสรรพสามิตแบตเตอรี่ที่ใช้เป็นแบตเตอรี่วัตถุดิบหรือส่วนประกอบในการผลิตสินค้าหรือสิ่งของอื่นเพื่อการส่งออกนอกราชอาณาจักร เป็นต้น

2 ด้านการปรับปรุงประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษี

1) นำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในการบริหารจัดเก็บภาษีไม่ให้รั่วไหล อาทิ

* ระบบควบคุมและติดตามการขนส่งน้ำมันทางบก (GPS) และติดตั้งเครื่องชั่งน้ำหนักตามแนวตะเข็บชายแดน การพัฒนาระบบแผนที่ภาษี (Tax Map) และแผนที่ผู้กระทำผิดกฎหมายสรรพสามิต

* การติดตั้งมาตรวัด และคอมพิวเตอร์สื่อสารทางไกลมาใช้ในการควบคุมการผลิตและเสียภาษีเครื่องดื่ม

* การพัฒนาเครื่องหมายแสดงการเสียภาษี โดยทบทวนแสตมป์เพื่อให้ปลอมแปลงยาก และลดจำนวนรูปแบบแสตมป์ โดยนำเทคโนโลยีมาใช้ในการควบคุมการจัดเก็บภาษี ซึ่งจะนำไปใช้กับสินค้าสุราและยาสูบ

2) ปรับปรุงด้านการปราบปรามและป้องปรามให้มีการดำเนินการในเชิงบูรณาการทั่วประเทศโดยนำระบบเทคโนโลยีมาใช้

3) ปรับปรุงขบวนงานและลดจำนวนรายงานในระบบ เพื่อลดภาระและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานทั้งภาครัฐและเอกชน ได้แก่

* ปรับลดจำนวนรายงานที่ซ้ำซ้อนและปรับปรุงการรายงานของสำนักงานสรรพสามิตพื้นที่ทั่วประเทศที่ต้องรายงานกรมสรรพสามิตทุกเดือน

* ลดภาระการรายงานผลการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตให้มีแบบรายงาน จำนวนน้อยลง

* เพิ่มประสิทธิภาพการรายงานงบเดือนแสตมป์ของสำนักงานสรรพสามิตพื้นที่ทั่วประเทศจากเดิมรายงานเป็นเอกสาร ให้เป็นรายงานด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ผ่าน Web-based Application

3. ด้านการปรับปรุงการบริการประชาชน โดยยกระดับการให้บริการประชาชน ดังนี้

1) จัดตั้ง Smart Office และปรับปรุงภาพลักษณ์สำนักงานสรรพสามิต โดยจัดทำต้นแบบ Smart Office ณ สำนักงานสรรพสามิตพื้นที่กรุงเทพมหานคร 3 และมีแผนปรับปรุง Smart Office ให้ครบ 85 แห่ง ภายในปี 2553 ซึ่งจะทำให้ผู้เสียภาษีสามารถทำธุรกรรมชำระภาษีที่ไหนก็ได้ในประเทศไทย

2) มอบอำนาจให้สรรพสามิตภาคมีอำนาจในการตัดสินใจมากขึ้น (Decentralization) เพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการให้บริการผู้ประกอบการให้มีความสะดวกและรวดเร็วขึ้น

3) การใช้เทคโนโลยีในการรายงาน โดยให้ผู้ประกอบการรายใหญ่สามารถรายงานข้อมูลโดยตรงมายังกรมสรรพสามิต

5) ปรับปรุงขั้นตอนการให้บริการแก่ผู้เสียภาษี

* ลดหลักฐานในการขออนุมัติการยกเว้นหรือคืนภาษีสำหรับการส่งออกของผู้ประกอบอุตสาหกรรมตามพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2527 โดยเฉพาะธุรกิจการส่งออกรถยนต์ เครื่องปรับอากาศ เครื่องดื่ม และแบตเตอรี่

* ผ่อนผันให้ไม่ต้องยื่นงบเดือนในธุรกิจโทรคมนาคมที่มีมากกว่า 12 บริษัท และอุตสาหกรรมเครื่องปรับอากาศสำหรับบ้านที่มีมากกว่า 85 บริษัท ซึ่งได้รับการยกเว้นภาษีสรรพสามิตตามมติคณะรัฐมนตรี

* สนับสนุนให้ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมอื่นๆ ส่งงบเดือนผ่าน web-based application ทำให้ลดภาระผู้ประกอบการในการจัดทำงบเดือนส่งกรมสรรพสามิตทุกเดือน

4. ด้านการพัฒนาองค์กร

1) การพัฒนาบุคลากรให้มีมาตรฐานในการปฏิบัติงาน

* จัดการอบรม/สัมมนาให้เป็นมาตรฐานเดียวกันทั้งประเทศในด้านการบริหารการจัดเก็บภาษีสรรพสามิต ด้านป้องกันและปราบปราม และด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ

* โครงการเพื่อพัฒนาสมรรถนะผู้บริหาร รวมทั้งสิ้น 26 รุ่น ผู้เข้าอบรมประมาณ 1,900 คน

2) การปรับปรุงอาคารสำนักงาน/ศูนย์ และบ้านพักข้าราชการ จำนวน 15 แห่ง ประกอบด้วย อาคารสำนักงานจำนวน 5 แห่ง และบ้านพักข้าราชการ 10 แห่ง

3) การเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการภายในองค์กร โดยนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ อาทิ

* โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการภายในองค์กร (e-Office)

* โครงการปรับปรุงระบบเครือข่ายหลักของกรมสรรพสามิต

* โครงการจัดหาเครื่องคอมพิวเตอร์ทดแทนและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน

* การวางแผนแม่บท IT เพื่อมุ่งสู่การนำ IT มาใช้ในการทำงานทุกจุด

นอกจากนี้ กรมสรรพสามิตยังตระหนักถึงการติดต่อกับประชาชน จึงได้พัฒนาระบบโทรศัพท์จากตัวเลข 9 หลัก เปลี่ยนเป็นเลข 4 หลัก หรือ “สายด่วน สรรพสามิต 1713” เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้เสียภาษีและประชาชนทั่วไป ซึ่งหมายเลขดังกล่าว เดิมเป็นหมายเลขสำหรับการแจ้งเบาะแสการกระทำความผิดกฎหมายสรรพสามิต ทั้งนี้ เพื่อให้ง่ายต่อการจดจำและสามารถให้บริการครอบคลุมถึงการติดต่อสอบถามข้อมูลทั่วไปและข้อมูลเกี่ยวกับภาษีสรรพสามิต การแจ้งเบาะแสผู้กระทำผิดกฎหมายสรรพสามิต และการร้องเรียนผ่านโทรศัพท์ 30 คู่สาย ประชาชนสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลของกรมสรรพสามิตได้ทุกเรื่อง โดยเปิดให้บริการสอบถามข้อมูล หรือแจ้งเรื่องร้องเรียนได้ตั้งแต่เวลา 08.30-16.30 น. และแจ้งเบาะแสผู้กระทำผิดกฎหมายสรรพสามิต ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งกรมสรรพสามิตจะปกปิดข้อมูลของผู้แจ้งเบาะแสเป็นความลับ

ฝ่ายประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขานุการกรม

กรมสรรพสามิต โทร./โทรสาร 02 241 4778

www.excise.go.th

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๘ เม.ย. ARDA จับมือ ฟาร์ม เอ็กซ์โป และพันธมิตร เปิดศึก AGRITHON by ARDA Season 2 เฟ้นหาสุดยอดไอเดียปลุกพลังนวัตกรรมเกษตรไทย ชิงทุนวิจัยรวมกว่า 100
๑๘ เม.ย. กรุงศรี ฉลอง 80 ปี ดูหนัง 80 บาท ที่ Major Cineplex เมื่อชำระด้วยบัตรกรุงศรี เดบิตและบัตร Krungsri Boarding
๑๘ เม.ย. แบรนด์ซุปไก่สกัด รณรงค์ขับขี่ปลอดภัยในโครงการ สมองล้าอย่าขับ พักดื่มแบรนด์ จับมือ ตำรวจทางหลวง และ ตำรวจจราจร
๑๘ เม.ย. ซัมซุงจัดใหญ่! เป็นเจ้าของ ตู้เย็น Side by Side รุ่นใหม่ล่าสุด พร้อมรับสิทธิพิเศษแบบจุใจ ได้แล้ววันนี้
๑๘ เม.ย. ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2568 คาดกนง.มีมติลดดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมเดือนเมษายนนี้
๑๘ เม.ย. EXIM BANK ร่วมกับกระทรวงการคลังและกระทรวงพาณิชย์ ออกมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะ SMEs รับมือนโยบายภาษีแบบตอบโต้ของสหรัฐฯ
๑๘ เม.ย. ปักหมุด! เตรียมจัดงาน PET Expo Thailand 2025 จัดยิ่งใหญ่ครบรอบ 25 ปี
๑๘ เม.ย. ลดคลายร้อน ช้อปแลคตาซอย 1,000 ลด 100 พร้อมชวนร่วมสนุกถ่ายภาพคู่แลคตาซอย ลุ้น 10 รางวัล
๑๘ เม.ย. DITP ประชุมผู้จัดแสดงสินค้า เตรียมความพร้อมสู่เวที THAIFEX - ANUGA ASIA 2025
๑๘ เม.ย. โรงแรมเครือดุสิตธานี เปิดตัวโปรพิเศษต้อนรับซัมเมอร์ 'A Night on Us' เติมเต็มวันพักผ่อนอย่างมีความสุขกับโรงแรมและรีสอร์ทในเครือดุสิตธานีทั่วโลก