คต. จัดสัมมนา “FTA: โอกาสของสินค้าไทยในอาเซียน/อินเดีย/ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์” ณ จังหวัดเชียงราย

จันทร์ ๒๘ มิถุนายน ๒๐๑๐ ๑๕:๒๙
นายมนัส สร้อยพลอย อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ (คต.) เปิดเผยว่า กรมการค้าต่างประเทศได้จัดสัมมนาเรื่อง “FTA : โอกาสของสินค้าไทยในอาเซียน/อินเดีย/ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์” ในวันพฤหัสบดีที่ 24 มิถุนายน 2553 ณ โรงแรมดุสิต ไอส์แลนด์ รีสอร์ท เชียงราย จังหวัดเชียงราย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบการและผู้สนใจได้รับความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการใช้ประโยชน์จากความตกลง ตลอดจนมาตรการและความช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากการเปิดเสรี (กองทุน FTA) ซึ่งการสัมมนาดังกล่าวมีผู้ผลิต ผู้ประกอบการ และผู้ส่งออกในจังหวัดเชียงรายและจังหวัดใกล้เคียง ให้ความสนใจเข้ารับฟังการสัมมนาในครั้งนี้กว่า 150 คน

นายมนัส กล่าวเพิ่มเติมว่า โดยที่จังหวัดเชียงรายเป็นจังหวัดที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจจังหวัดหนึ่งของภาคเหนือ ที่สามารถเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้านในด้านการคมนาคมทั้งทางบกและทางน้ำสู่กลุ่มประเทศ อนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงและจีนตอนใต้ การเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ ให้ความรู้ความเข้าใจในเรื่องเขตการค้าเสรีหรือ FTA ที่เชียงรายในวันนี้ เป็นโอกาสสำคัญของผู้ประกอบการที่จะเสริมศักยภาพและสร้างความแข็งแกร่งให้แก่ธุรกิจ สามารถขยายการส่งออกสินค้าไปต่างประเทศ อีกทั้งเป็นการส่งเสริมการค้ากับประเทศเพื่อนบ้านให้ขยายตัวมากขึ้น

เขตการค้าเสรีอาเซียน (ASEAN Free Trade Area : AFTA) ได้ลดภาษีนำเข้าระหว่างกันเป็นศูนย์แล้วตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2553 โดยสมาชิกทั้ง 10 ประเทศ จะเป็นฐานการผลิตและเป็นตลาดเดียวกันที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก และจะก้าวไปสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community หรือ AEC) ในปี 2558 หรือในอีก 5 ปี ข้างหน้า อาเซียนจึงนับเป็นตลาดส่งออกสำคัญของไทย โดยในปี 2552 มีมูลค่าประมาณ 32,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และหากพิจารณาในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2553 (ม.ค. — เม.ย.) ไทยส่งออกไปอาเซียน มีมูลค่า 13,760 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ซึ่งมีมูลค่า 8,462 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ถึงร้อยละ 62 สำหรับมูลค่าการใช้สิทธิพิเศษภายใต้เขตการค้าเสรีอาเซียน มีมูลค่า 4,257.32 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 74.58 จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ซึ่งมีมูลค่า 2,438.61 ล้านเหรียญสหรัฐฯโดยสินค้าสำคัญที่มีการใช้สิทธิสูง ได้แก่ รถยนต์บุคคล เครื่องปรับอากาศ มันสำปะหลัง ส่วนประกอบยานยนต์ เครื่องจักรโรงงาน ข้าวโพด อาหารปรุงแต่ง ฯลฯ

นอกจากอาเซียนแล้ว ไทยยังได้ทำความตกลงการค้าเสรีอาเซียน - อินเดีย (ASEAN- India Free Trade Agreement : AIFTA) โดยมีผลบังคับใช้แล้วเมื่อวันที่ 1 มกราคมที่ผ่านมา ก่อนหน้านี้ไทยได้ทำ FTA สองฝ่ายกับอินเดีย แต่ครอบคลุมสินค้าเพียง 82 รายการ ที่สองประเทศเห็นว่าควรจะเร่งลดภาษีเป็นศูนย์ก่อน การที่ไทยได้ขยายการทำความตกลง FTA เป็นอาเซียน- อินเดีย โดยครอบคลุมสินค้ากว่า 4,700 รายการ จึงนับเป็นการเพิ่มโอกาสในการขยายการค้า เนื่องจากอินเดียเป็นตลาดใหญ่ที่มีประชากรกว่าพันล้านคน โดยในปี 2552 มีมูลค่าการค้าระหว่างกันกว่า4,900 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และหลังจากความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-อินเดีย มีผลบังคับใช้ มูลค่าการค้าระหว่างไทยกับอินเดีย ในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2553 (ม.ค. — เม.ย.) มีมูลค่าการค้าระหว่างกันกว่า 2,187 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาซึ่งมีมูลค่า 1,314 ล้านเหรียญสหรัฐฯ คิดเป็นร้อยละ 66 สินค้าสำคัญที่จะได้รับประโยชน์ ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้า เฟอร์นิเจอร์และของใช้ตกแต่งบ้าน อัญมณีและเครื่องประดับ ด้ายและเส้นใยสังเคราะห์ เป็นต้น

สำหรับความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ (ASEAN-Australia-New Zealand

Free Trade Area : AANZFTA) ซึ่งจะมีผลบังคับใช้แล้วเมื่อวันที่ 12 มีนาคม ที่ผ่านมา จะทำให้ไทยได้รับประโยชน์เพิ่มเติมจากการที่ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ เปิดตลาดเพิ่มมากขึ้น/เร็วขึ้น จากที่ได้ เปิดตลาดภายใต้ FTA ไทย-ออสเตรเลีย และไทย-นิวซีแลนด์ ก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม รองเท้า กระเป๋าหนัง ชิ้นส่วนยานยนต์ เคมีภัณฑ์และอุปกรณ์ไฟฟ้า นอกจากนี้ ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ยังช่วยให้ผู้ประกอบการมีทางเลือกที่จะนำเข้าวัตถุดิบที่มีต้นทุนต่ำจาก 12 ประเทศ คือ อาเซียน 10 ประเทศและออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ มาขอใช้สิทธิภาษีนำเข้าเป็นศูนย์ได้

นายมนัส กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปี 2553 กรมการค้าต่างประเทศมีโครงการที่จะเผยแพร่ประชาสัมพันธ์โดยการจัดสัมมนาเพื่อให้ความรู้ ความเข้าใจแก่ผู้ประกอบการในการใช้สิทธิประโยชน์ที่ไทยจะได้รับจากการที่ประเทศคู่ค้าได้เปิดตลาดภายใต้ความตกลง FTA ต่าง ๆ ทั้งในส่วนกลางและภูมิภาคทั่วประเทศ ผู้ประกอบการและผู้สนใจสามารถติดตามรายละเอียดการสัมมนาได้ที่ www.dft.go.th หรือสอบถามที่สำนักสิทธิประโยชน์ทางการค้า กรมการค้าต่างประเทศ ผ่านทางสายด่วน 1385

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๘ เม.ย. ARDA จับมือ ฟาร์ม เอ็กซ์โป และพันธมิตร เปิดศึก AGRITHON by ARDA Season 2 เฟ้นหาสุดยอดไอเดียปลุกพลังนวัตกรรมเกษตรไทย ชิงทุนวิจัยรวมกว่า 100
๑๘ เม.ย. กรุงศรี ฉลอง 80 ปี ดูหนัง 80 บาท ที่ Major Cineplex เมื่อชำระด้วยบัตรกรุงศรี เดบิตและบัตร Krungsri Boarding
๑๘ เม.ย. แบรนด์ซุปไก่สกัด รณรงค์ขับขี่ปลอดภัยในโครงการ สมองล้าอย่าขับ พักดื่มแบรนด์ จับมือ ตำรวจทางหลวง และ ตำรวจจราจร
๑๘ เม.ย. ซัมซุงจัดใหญ่! เป็นเจ้าของ ตู้เย็น Side by Side รุ่นใหม่ล่าสุด พร้อมรับสิทธิพิเศษแบบจุใจ ได้แล้ววันนี้
๑๘ เม.ย. ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2568 คาดกนง.มีมติลดดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมเดือนเมษายนนี้
๑๘ เม.ย. EXIM BANK ร่วมกับกระทรวงการคลังและกระทรวงพาณิชย์ ออกมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะ SMEs รับมือนโยบายภาษีแบบตอบโต้ของสหรัฐฯ
๑๘ เม.ย. ปักหมุด! เตรียมจัดงาน PET Expo Thailand 2025 จัดยิ่งใหญ่ครบรอบ 25 ปี
๑๘ เม.ย. ลดคลายร้อน ช้อปแลคตาซอย 1,000 ลด 100 พร้อมชวนร่วมสนุกถ่ายภาพคู่แลคตาซอย ลุ้น 10 รางวัล
๑๘ เม.ย. DITP ประชุมผู้จัดแสดงสินค้า เตรียมความพร้อมสู่เวที THAIFEX - ANUGA ASIA 2025
๑๘ เม.ย. โรงแรมเครือดุสิตธานี เปิดตัวโปรพิเศษต้อนรับซัมเมอร์ 'A Night on Us' เติมเต็มวันพักผ่อนอย่างมีความสุขกับโรงแรมและรีสอร์ทในเครือดุสิตธานีทั่วโลก