เอไอเอ ประเทศไทย เป็นบริษัทประกันชีวิตอันดับหนึ่งในประเทศไทย โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดกว่า 30% ถึงแม้ว่าบริษัทจะเผชิญกับความท้าทายในทางธุรกิจจากบริษัทประกันรายใหญ่ที่ขายผ่านช่องทางธนาคาร บริษัทก็ยังคงความเป็นผู้นำในตลาดประกันชีวิต เนื่องจากการจำหน่ายกรมธรรม์ประกันชีวิตผ่านตัวแทนยังคงเป็นช่องทางการจำหน่ายหลักของธุรกิจประกันชีวิตในประเทศไทย ถึงแม้ว่าการจำหน่ายกรมธรรม์ประกันชีวิตผ่านช่องทางธนาคารจะมีการเติบโตที่สูง แต่การนำเสนอประกันชีวิตผ่านช่องทางตัวแทนที่มีอยู่จำนวนมากจะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้เอไอเอ ประเทศไทย ยังคงเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมประกันชีวิตต่อไป แนวโน้มอันดับความมั่นคงทางการเงินที่มีเสถียรภาพสะท้อนถึงความคาดหวังของฟิทช์ว่า เอไอเอ ประเทศไทย จะยังคงความแข็งแกร่งในด้านต่างๆได้ ขณะเดียวกัน ฟิทช์คาดว่าเอไอเอ ประเทศไทย จะยังคงได้รับการสนับสนุนด้านการดำเนินงานและด้านการเงินจาก AIAHK หากมีความจำเป็น เนื่องจากบริษัทมีสถานะเป็นสาขา และเป็นหน่วยงานที่มีความสำคัญในกลุ่ม
เอไอเอ ประเทศไทย มีผลกำไรตามหลักมาตรฐานการบัญชีไทย (Thai GAAP) ปรับตัวลดลงในปี 2552 โดยมีอัตราผลตอบแทนของสินทรัพย์ (ROA) ตามการคำนวนของฟิทช์ที่ 0.7% ลดลงจาก 1.8% ในปี 2551 ส่วนใหญ่เกิดจากผลขาดทุนที่รับรู้จากการปรับพอร์ตการลงทุนในหลักทรัพย์ประเภทหุ้น แต่ขณะเดียวกันการปรับพอร์ตดังกล่าวก็ทำให้เกิดเงินสำรองประกันภัยเพิ่มขึ้น (fair value reserve) 16,600 ล้านบาทในปี 2552 สำหรับปี 2553 คาดว่าผลประกอบการจะปรับตัวดีขึ้น โดยจะได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมืองในไตรมาสที่ 2 ของปี 2553 ไม่มากนัก เนื่องจากบริษัทยังมีส่วนแบ่งทางการตลาดที่แข็งแกร่ง มีความสามารถในการทำกำไรจากการลงทุน มีผลิตภัณฑ์ที่มีความหลากหลาย และมีตัวแทนประกันที่ให้บริการอยู่จำนวนมาก
เช่นเดียวกับบริษัทประกันชีวิตอื่นๆในประเทศไทยและในภูมิภาคเอเชีย เอไอเอ ประเทศไทย ต้องเผชิญกับปัญหาการบริหารสินทรัพย์ และหนี้สินเนื่องจากปริมาณของพันธบัตรระยะยาวในตลาดมีไม่เพียงพอ ซึ่งทำให้เกิดส่วนต่างระหว่างระยะเวลาครบกำหนดของสินทรัพย์และหนี้สินที่ค่อนข้างมาก อย่างไรก็ตาม ปัญหาดังกล่าวได้รับการแก้ไขโดยการบริหารทรัพย์สินและหนี้สินที่มีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ นโบายการลงทุนของเอไอเอ ประเทศไทย ยังคงเป็นแบบอนุรักษ์ โดยเน้นลงทุนในตราสารหนี้ที่ให้ผลตอบแทนคงที่ในสัดส่วนประมาณ 80% ของสินทรัพย์เพื่อการลงทุนทั้งหมด และมีเพียง 10% ที่ลงทุนในหลักทรัพย์ประเภทหุ้น
เอไอเอ ประเทศไทย มีเงินกองทุนที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาบริษัทประกันชีวิตในประทศไทย โดยมีอัตราส่วนเงินกองทุน ณ สิ้นปี 2552 สูงถึง 1,187% ของอัตราขั้นต่ำที่ต้องดำรงตามกฎหมายในประเทศ เทียบกับอัตราเฉลี่ยของอุตสาหกรรมที่ประมาณ 700% ระดับเงินกองทุนที่แข็งแกร่งเป็นผลมาจากเงินกองทุนที่เพิ่มขึ้นจากการทำกำไรในระดับที่สูงตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา และข้อจำกัดในการนำผลกำไรออกนอกประเทศที่กำหนดโดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ทั้งนี้ระดับเงินกองทุนของเอไอเอ ประเทศไทย น่าจะยังคงอยู่ในระดับที่เพียงพอภายใต้หลักการคำนวนอัตราเงินกองทุนที่อิงตามความเสี่ยง (Risk-based capital) ที่คาดว่าจะเริ่มใช้ในปี 2554
เอไอเอ ประเทศไทย ดำเนินธุรกิจในประเทศไทยในฐานะสาขาและเป็นหน่วยงานที่มีความสำคัญของบริษัท อเมริกันอินเตอร์แนชชั่นแนลแอสชัวรันส์ จำกัด (ฮ่องกง) ปัจจุบันเอไอเอ ประเทศไทย เป็นสาขาของบริษัทประกันชีวิตต่างชาติเพียงแห่งเดียวในประเทศไทย เอไอเอ ประเทศไทย มีสินทรัพย์ขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ในบรรดาสาขาและบริษัทของกลุ่มบริษัทเอไอเอ ที่ดำเนินงานอยู่ใน 15 ประเทศในเอเชีย และเป็นสาขาหลักที่ทำรายได้จากเบี้ยประกันภัยและกำไรของกลุ่มบริษัทเอไอเอ โดยนำเสนอกรมธรรม์ประกันชีวิตผ่านตัวแทนประกันชีวิตและผู้บริหารหน่วยตัวแทนประกันชีวิตที่มีอยู่ทั่วประเทศถึง 81,000 คน ณ สิ้นปี 2552 ซึ่งเป็นจำนวนที่มากที่สุดของอุตสาหกรรม
หลักเกณฑ์การจัดอันดับเครดิตหาได้ที่ www.fitchratings.com ในการจัดอันดับเครดิตของบริษัทนี้ ฟิทช์ได้ใช้หลักเกณฑ์ตาม Insurance Ratings Methodology ลงวันที่ 29 ธันวาคม 2552 Life Insurance Rating Methodology ลงวันที่ 24 มีนาคม 2553 Fitch’s Approach to Rating Insurance Groups ลงวันที่ 24 มีนาคม 2553 และ Insurance Industry: Global Notching Methodology and Recovery Analysis ลงวันที่ 29 ธันวาคม 2552
ติดต่อ
นฤมล ชาญชนะวิวัฒน์, กรุงเทพฯ + 662 655 4763
Wan Siew Wai, สิงค์โปร์ +65 6796 7217