ในวันนี้ (2 กรกฎาคม 2553) ดร.สถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ ปลัดกระทรวงการคลัง และประธานกรรมการ บมจ.ธนาคารกรุงไทย เป็นประธาน ในพิธีลงนามบันทึกความร่วมมือด้านบรรษัทภิบาล ระหว่างธนาคารของรัฐ 7 แห่ง โดยนายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ธนาคารกรุงไทย นายโสฬส สาครวิศว กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย นายลักษณ์ วจนานวัช ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร นายเลอศักดิ์ จุลเทศ ผู้อำนวยการ ธนาคารออมสิน นายขรรค์ ประจวบเหมาะ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ นายธีระศักดิ์ สุวรรณยศ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย และนายสุธนัย ประเสริฐสรรพ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย ได้ร่วมลงนาม ที่โรงแรม เจดับบลิว แมริออท กรุงเทพฯ
ดร.สถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ เปิดเผยว่า ปัจจุบันหน่วยงานต่างๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศให้ความสำคัญเรื่องการบริหารงานโดยยึดหลักบรรษัทภิบาลมากขึ้น ประกอบกับสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) กระทรวงการคลัง ได้กำหนดหลักเกณฑ์การประเมินผลการดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจ โดยต้องยึดหลักบรรษัทภิบาลหรือการกำกับดูแลกิจการที่ดี เคร่งครัดในเรื่องจริยธรรม ความโปร่งใส ตรวจสอบได้ และมีความรับผิดชอบต่อสังคม เพื่อแสดงให้เห็นถึงการมีระบบบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ สร้างความเชื่อมั่นและความมั่นใจต่อผู้ถือหุ้น ผู้ลงทุน ผู้มีส่วนได้เสีย และผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย
“การดำเนินการและการปฏิบัติเรื่องบรรษัทภิบาล คณะกรรมการต้องมีส่วนร่วมผลักดันนโยบาย ผู้บริหารระดับสูงต้องให้การสนับสนุน และพนักงานทุกคนต้องปฏิบัติอย่างจริงจัง การประสานความร่วมมือในครั้งนี้ จึงเป็นการส่งเสริมการปฏิบัติตามนโยบายด้านการกำกับดูแลกิจการที่ดีระหว่างธนาคารของรัฐ เพื่อสร้างเครือข่ายในการแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์การดำเนินงานด้านบรรษัทภิบาล รวมถึงสร้างความเชื่อมั่นและประโยชน์สูงสุดต่อผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง (Stakeholders) ซึ่งถือเป็นเรื่องดีที่จะช่วยสร้างสังคมธรรมาภิบาล (CG Society) ให้เกิดขึ้นกับสังคมไทยอย่างเป็นรูปธรรม ส่งผลให้ทุกธนาคารประสบความสำเร็จและได้รับการยอมรับจากหน่วยงานภายนอก”
ดร.สถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ กล่าวในตอนท้ายว่า ปัจจุบันธนาคารของรัฐทั้ง 7 แห่ง มีสาขารวมกัน 2,802 สาขา และมีพนักงานรวมทั้งสิ้น 50,477 คน แสดงให้เห็นถึงพลังอันยิ่งใหญ่ในการดำเนินการครั้งนี้ หากพนักงานของทุกองค์กรมีความรับผิดชอบในการทำงาน ซื่อสัตย์ โปร่งใสในการบริหารงาน จะสามารถนำพาให้องค์กรเจริญก้าวหน้า ช่วยฟื้นฟูและขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจของประเทศ พัฒนาสังคมไทยให้มีความมั่นคงเจริญก้าวหน้าต่อไป