มูลนิธิอาสาสมัครเพื่อสังคม (มอส.) จับมือเครือข่ายสื่อภาคประชาชนร่วมขับเคลื่อนปฏิรูปสื่อร่างยุทธศาสตร์สู่ปฏิรูปประเทศไทย

อังคาร ๐๖ กรกฎาคม ๒๐๑๐ ๐๙:๓๒
นางสาววัฒนา นาคประดิษฐ์ มูลนิธิอาสาสมัครเพื่อสังคม (มอส.) หนึ่งในคณะทำงานการขับเคลื่อนเรื่องปฎิรูปสื่อ กล่าวถึงวัตถุประสงค์ในการจัดงาน “ปฏิรูปสื่อ...ประชาชน..สู่..ปฎิรูปประเทศไทย” ว่า “ต้องการให้เป็นเวทีที่คนทำสื่อภาคประชาชนได้มีพื้นที่ในการนำเสนอความคิด ข้อมูลข้อเท็จจริงที่ถูกละเลยจากสังคม เพื่อให้เกิดการตรวจสอบถ่วงดุลของข้อมูลข่าวสาร และเป็นประโยชน์ต่อประชาชนอย่างแท้จริง โดยในเวทีจะระดมปัญหา ข้อเสนอแนะต่างๆ และคณะทำงานจะได้รวบรวมข้อเสนอเหล่านั้นมานำเสนอต่อระดับนโยบาย และหากในเวทีมีข้อเสนอที่เสนอต่อคนทำสื่อภาคประชาชนด้วยกันเอง ก็จะได้นำเสนอต่อคนทำสื่อนั้นๆ เช่นกัน

นางสาววัฒนา ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า “งานครั้งนี้เราได้เชิญคนทำสื่อวิทยุชุมชน อย่างสหพันธ์วิทยุชุมชนแห่งชาติ เครือข่ายพลเมืองเน็ต (Netizen) หนังสือพิมพ์อินเตอร์เน็ตประชาไท นักวิชาการด้านกฎหมายสื่อ จากคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งจะร่วมกันระดมความคิด หาข้อเสนอแนะต่างๆ เพื่อนำมาประมวลต่อในกระบวนการกำกับดูแล หรือเรื่องบทบาทสื่อ และจะมีสื่อกระแสหลักที่ทำหน้าที่เป็นสื่อสาธารณะ อย่างองค์การกระจายเสียงแพร่ภาพสาธารณะแห่งประทศไทย (ทีวีไทย) หรือผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงในเรื่องการออกใบอนุญาติประกอบกิจการวิทยุชุมชน อย่างคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) และผู้ร่วมขับเคลื่อนการปฏิรูปสื่อมาโดยตลอดอย่าง คณะกรรมการรณรงค์เพื่อการปฏิรูปสื่อ (คปส.) ก็มาร่วมหารือในเวทีนี้เช่นกัน รวมถึงตัวแทนคนที่สื่อภาคประชาชนที่มาจากภูมิภาคต่างๆ ได้ร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในครั้งนี้ด้วย”

นอกจากนี้คณะกรรมการรณรงค์เพื่อการปฏิรูปสื่อ นายสุเทพ วิไลเลิศ เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อการปฎิรูปสื่อ (คปส.) ได้กล่าวถึงการปฏิรูปสื่อครั้งนี้ว่า “อยากให้รัฐบาลตั้งใจในการทำงานและทำอย่างโปร่งใสในเรื่องของสัดส่วนการจัดสรรคลื่นความถี่ทั้งในระดับจังหวัด ภาค และประเทศ เป็นไปตามมาตรา 26 วรรค 4 ของ พรบ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ พ.ศ. 2543 รัฐต้องมีมาตรการป้องกันการแทรกแซงสื่อทุกประเภทจากกลุ่มการเมืองทั้งในระดับชาติและระดับท้องถิ่น และหยุดละเมิดเสรีภาพสื่อ ตามมาตรา 41 โดยการปิดวิทยุชุมชน และเว็บไซต์”

นายสุเทพ กล่าวเสริมอีกว่า “อย่างไรก็ตามคนทำสื่อ หรือสื่อมวลชนเองก็ต้องมีความรับผิดชอบ หรือมีจริยธรรมในการผลิตสื่อด้วยเหมือนกัน และอยากให้รัฐบาลมีความจริงใจในการปฏิรูปสื่อไม่ใช่ทำขึ้นมาเพื่อซื้อเวลา”

นาวสาววัฒนา ยังกล่าวเสริมต่ออีก “เราอยากเรียกร้องให้ออกใบอนุญาตตามเจตนารมณ์วิทยุชุมชนเพื่อแสดงให้เห็นว่าเรามีตัวตน และเป็นความจำเป็นในการพัฒนาประเทศ โดยประชาชนร่วมเป็นเจ้าของและดำเนินการเอง ปัญหาที่เกิดขึ้นในชุมชนนั้นเกิดจากการมีความจำกัดในเรื่องของพื้นที่การได้รับสื่อ และเรื่องของเทคโนโลยีในการกระจายข่าวสาร ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาทำให้ถูกแทรกแซงจากกลุ่มทุน และกลุ่มการเมืองได้ง่าย จากปัญหาที่เกิดขึ้นนี้เราก็ได้ทำให้รัฐเห็นถึงความสำคัญในบทบาทในเรื่องของการขับเคลื่อนของภาคประชาชนสามารถทำให้สำเร็จได้”

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๒๑ 60 ปีแห่งความมุ่งมั่น! คาโอ คว้ารางวัลอุตสาหกรรมดีเด่น 2 ประเภทในปี 2567 ชูความสำเร็จด้านสิ่งแวดล้อมและความรับผิดชอบต่อสังคม
๑๗:๒๓ AVATR ก้าวสู่ความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่! ระดมทุนในรอบ Series C ได้มากกว่า 11,000 ล้านหยวน พร้อมก้าวสู่ความเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าหรูหราแห่งอนาคต
๑๗:๐๖ Zoom เปิด 10 เทรนด์ ใช้ AI ในการทำงานปี 2568
๑๗:๑๐ เปิดมุมมองอาชีพที่หลากหลายในอุตสาหกรรมกาแฟไทย เจาะลึกบทบาทและแนวทางยกระดับสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
๑๗:๑๔ อนาคตแห่งการเดินทาง: 5 คนขับ AI จากแอปเรียกรถ Maxim
๑๗:๕๕ Well-Being House บ้านชั้นเดียวเอาใจคนวัยเกษียณ
๑๗:๑๖ กทม. แจงเปิดกว้างการแข่งขันโครงการเช่าคอมพิวเตอร์พกพาสำหรับนักเรียน
๑๖:๓๗ รายงาน Ericsson Mobility Report ฉบับล่าสุด เผยผู้เริ่มให้บริการ 5G กลุ่มแรกกำลังมุ่งสู่โมเดลธุรกิจที่เน้นประสิทธิภาพ
๑๗:๒๕ เมดีซ กรุ๊ป ร่วมสมทบทุนสนับสนุนมูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช ช่วยผู้ป่วยในชนบท ถิ่นทุรกันดารที่ห่างไกล
๑๖:๔๔ CNN จับตา นวัตกรรมล่าสุดจากนักวิจัยไทย พลิกโฉมการตรวจคัดกรองความเครียดด้วย เหงื่อ