“สภาพคล่องเป็นตัวหล่อลื่นเศรษฐกิจที่สำคัญ โดยหากเปรียบการขยายตัวของเศรษฐกิจเหมือนรถยนต์ที่กำลังวิ่งไปข้างหน้า การเติบโตของภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมก็เปรียบเสมือนการเหยียบคันเร่ง ขณะที่สภาพคล่องเปรียบเสมือนการเข้าเกียร์ กล่าวคือ หากสภาพคล่องในระบบมีมากก็เหมือนขับรถเข้าเกียร์สูงๆ เมื่อต้องการให้เศรษฐกิจขยายตัว แค่แตะคันเร่งนิดเดียว สภาพคล่องก็อัดฉีดเข้าไปในระบบ มีเงินไปขยายธุรกิจ เศรษฐกิจก็เติบโตได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ สภาพคล่องยังมีบทบาทสำคัญต่อราคาสินทรัพย์ เห็นได้จากไม่ว่าเมื่อไรที่ประเทศไหนมีขนาดของสภาพคล่องเพิ่มขึ้นสูง ก็มักจะเห็นราคาสินทรัพย์ต่างๆ เช่น ราคาอสังหาริมทรัพย์ ตลาดหุ้น ปรับตัวสูงขึ้นด้วยเช่นกัน” ดร. เศรษฐพุฒิ กล่าว
นอกจากผลทางการเงินแล้ว สภาพคล่องยังมีผลต่อภาคเศรษฐกิจด้วย เราจึงได้พัฒนาดัชนี SCB EIC Thailand Financial Condition Index (EIC TFCI) แบบ real-time เพื่อสะท้อนถึงการขยายตัวของการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชน ที่ได้รวมปัจจัยทางการเงินที่สำคัญและมีผลต่อความคล่องตัวของการไหลเวียนเงินทุนของไทยอย่างครบถ้วนและทันท่วงที ซึ่งประกอบด้วย อัตราการขยายตัวของสินเชื่อ อัตราดอกเบี้ยนโยบาย ดัชนีค่าเงินบาท และอัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไร
“ผลจาก EIC TFCI แบบ real-time แสดงให้เห็นว่าความคล่องตัวของการไหลเวียนเงินทุนมีผลต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจมาก โดยเฉพาะจากการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชน และทำให้คาดได้ว่าความคล่องตัวของการไหลเวียนเงินทุนในปีนี้มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นกว่าปีก่อน (loosen) เอื้อให้เศรษฐกิจสามารถขยายตัวได้โดยง่าย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นแล้ว ความคล่องตัวของการไหลเวียนเงินทุนของไทยที่สูงขึ้นในปี 2010 ก็เป็นเพียงปัจจัยสนับสนุนพื้นฐานเท่านั้น การเติบโตของภาคเศรษฐกิจจริงก็ขึ้นอยู่กับว่าเราจะแก้ไขปัญหาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น บรรยากาศการลงทุนที่ถดถอย ปัญหาการเมือง ปัญหามาบตาพุด ได้มากน้อยและรวดเร็วแค่ไหน” ดร. เศรษฐพุฒิกล่าวสรุป
ติดตามรายละเอียดการวิเคราะห์เชิงลึกเพิ่มเติมได้ใน SCB Insight เรื่อง “อะไรขับเคลื่อนสภาพคล่องในเศรษฐกิจไทย" สอบถามได้ที่ SCB EIC คุณพิณัฐฐา อรุณทัต โทร.0-2544-2953 อีเมล์ [email protected]