ทั้งนี้ นับตั้งแต่ต้นปี 2553 กองทุน ASP-SMART, ASP-SMART2 และ ASP-SMART3 สามารถรับซื้อคืนหน่วยลงทุนได้อย่างต่อเนื่อง คิดเป็นอัตราการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติรวม 30%, 21% และ 15% ตามลำดับ ขณะที่ SET Index ปรับตัวขึ้น 11% ในช่วงเวลาเดียวกัน
“กองทุน SMART Series เป็นกองทุนที่กำหนดรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติเมื่อ NAV ปรับตัวเพิ่มขึ้นผ่านระดับที่กำหนด ซึ่งในด้านการบริหารกองทุน ผู้จัดการกองทุนได้ใช้กลยุทธ์การลงทุนที่เน้นให้ผลตอบแทนเติบโตอย่างสม่ำเสมอในระยะยาว และมีการบริหารความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ กอปรกับการคัดเลือกหุ้นที่เน้นเฉพาะหุ้นที่มีแนวโน้มการเติบโตทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง และผลการดำเนินงานในระดับที่ดี ซึ่งถือเป็นความชำนาญเฉพาะด้านของทีมผู้จัดการกองทุนของบริษัทฯ จึงส่งผลให้กองทุนสามารถรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนอย่างต่อเนื่องตามที่บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายไว้
ทั้งนี้ กองทุน ASP-SMART จัดตั้งกองทุนเมื่อวันที่ 10 เมษายน 2552 มีมูลค่าหน่วยลงทุน (NAV) ณ วันที่ 6 กรกฎาคม เท่ากับ 18.0493 บาท โดยกองทุนได้รับซื้อคืนหน่วยลงทุนให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนไปแล้วรวม 8 บาทต่อหน่วยลงทุน หรือคิดเป็น 80% ของเงินลงทุนเริ่มแรก
ในขณะที่ ASP-SMART2 ซึ่งจัดตั้งกองทุนเมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2552 มีมูลค่าหน่วยลงทุน (NAV) เท่ากับ 12.1170 บาท บาท โดยกองทุนได้รับซื้อคืนหน่วยลงทุนให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนไปแล้วรวมจำนวน 2.10 บาทต่อหน่วย หรือคิดเป็น 21% ของเงินลงทุนเริ่มแรก
และกองทุน ASP-SMART3 ซึ่งจัดตั้งกองทุนเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2552 มีมูลค่าหน่วยลงทุน (NAV) เท่ากับ 11.5585 บาท โดยกองทุนได้รับซื้อคืนหน่วยลงทุนให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนไปแล้วรวมจำนวน 1.50 บาทต่อหน่วย หรือคิดเป็น 15% ของเงินลงทุนเริ่มแรก” นางลดาวรรณ กล่าว
นางลดาวรรณ กล่าวเพิ่มเติมว่า ทั้งนี้ สำหรับภาพรวมตลาดหุ้นระยะสั้น คาดว่า SET Index น่าจะเคลื่อนไหวในกรอบ 770-830 จุด โดยคาดว่าปัจจัยภายนอกที่จะมีอิทธิพลกับตลาดหุ้นในเดือนนี้ ได้แก่ การรายงานผลการศึกษา Stress Test ของธนาคารกลุ่ม EU ทั้งหมด ซึ่งธนาคารกลางยุโรป (ECB) ยืนยันเสนอรายงานต่อสาธารณชนภายในเดือนกรกฎาคม ซึ่งหากผลการศึกษาทำให้สถาบันการเงินเพิ่มทุนไม่มากนัก ย่อมน่าจะสามารถเรียกความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั่วโลกได้เป็นอย่างดี แต่ในทางตรงกันข้าม อาจกลายเป็นจุดที่ทำให้สินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกปรับฐานลง ในขณะที่ปัจจัยภายในประเทศยังต้องติดตามการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของไทย (กนง.) กอปรกับเป็นช่วงประกาศงบไตรมาส 2 ของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ซึ่งน่าจะทำให้กลุ่มธนาคารพาณิชย์เป็นกลุ่มที่ผลักดัน SET Index ในช่วงครึ่งแรกของเดือน
สำหรับมุมมองตลาดหุ้นไทยจนถึงปลายปีนี้มองว่า SET Index จะยังคงผันผวนจากปัญหาหนี้สาธารณะในยุโรปที่ยังคงกดดันตลาดหุ้นโลกต่อไป โดยคาดว่า SET Index น่าจะเคลื่อนไหวในกรอบ 750-850 จุด จากปัจจัยเศรษฐกิจภายในประเทศที่น่าจะปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องในช่วงไตรมาส 3 และ 4 และปัจจัยสนับสนุนจากการที่จีนมีนโยบายยืดหยุ่นอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินหยวนแบบค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งน่าจะส่งผลให้เงินหยวนแข็งค่าขึ้น ทำให้มี Fund flow เข้ามามากขึ้นในภูมิภาคเอเชียรวมทั้งตลาดหุ้นไทย ทั้งนี้ หากไม่มีปัจจัยอื่นๆ มารบกวน เช่น ปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง คาดว่า ปลายปี SET Index น่าจะสามารถยืนอยู่ที่ระดับ 850 จุดได้
ติดต่อขอรับข้อมูลเพิ่มเติม
ผู้ลงทุนทั่วไป : Call Center 02-672-1111
สื่อมวลชน : ส่วนงานประชาสัมพันธ์
มุกพิม จุลพงศธร โทร. 02-672-1000 ต่อ 3308 / 02-672-1019 (เบอร์ตรง)
อีเมล์: [email protected]