อันดับเครดิตของ SVI สะท้อนถึงสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งของบริษัทในธุรกิจรับประกอบแผงวงจรสำเร็จรูปและผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Manufacturing Service) โดยบริษัทเน้นการผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ระดับบนประเภท non-traditional ซึ่งมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี มีความผันผวนจากความต้องการที่ต่ำกว่า และมีอัตราส่วนกำไรจากการผลิตที่สูงกว่า ซึ่งส่งผลให้ธุรกิจและผลประกอบการของบริษัทปรับตัวดีขึ้นในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา แม้ว่าสภาวะอุตสาหกรรมอ่อนตัวลง นอกจากนี้อันดับเครดิตยังพิจารณาถึงแนวโน้มการเติบโตในระยะยาวของตลาดรับประกอบแผงวงจรสำเร็จรูปและผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ประเภท non-traditional ซึ่งเป็นผลมาจากความต้องการของผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้น ตลอดจนแนวโน้มที่เจ้าของผลิตภัณฑ์ต้นแบบ (Original Equipment Manufacturer) จะว่าจ้างผู้รับประกอบแผงวงจรสำเร็จรูปและผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ให้ผลิตแทนเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้อันดับเครดิตของ SVI ยังพิจารณารวมถึงสถานะทางการเงินของบริษัทที่แข็งแกร่ง โดย ณ สิ้นไตรมาสแรกของปี 2553 บริษัทมีเงินสดสุทธิจำนวน 194 ล้านบาท ถึงแม้ว่ารายได้ของ SVI จะได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลงในปี 2552 บริษัทยังคงรักษาอัตราส่วนกำไร และกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน ให้อยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง โดยในปี 2552 บริษัทมีอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่าย และค่าเช่า (EBITDAR margin) ที่ 10.8% (ปี 2552 อยู่ที่ 10.8%) และมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่ 1.1 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 61% จากปีก่อน แม้ว่าฟิทช์คาดว่า SVI จะใช้เงินลงทุนเพิ่มขึ้นเพื่อขยายกำลังการผลิต ต้องมีเงินทุนหมุนเวียนสูงขึ้นเพื่อรองรับยอดขายที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น และจะจ่ายเงินปันผลมากขึ้นหลังจากการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้น แต่ SVI น่าจะยังคงสามารถรักษาอัตราส่วนหนี้สินให้อยู่ในระดับที่แข็งแกร่งได้ โดยอัตราส่วนหนี้สินสุทธิที่ปรับปรุงต่อกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่าย และค่าเช่า (Adjusted net debt to EBITDAR) ในช่วง 2 ปีข้างหน้า น่าจะอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 1 เท่า
อันดับเครดิตของ SVI ได้ถูกลดทอนด้วยปัจจัยความเสี่ยงซึ่งประกอบด้วยกลุ่มลูกค้าของบริษัทที่กระจุกตัว แนวโน้มการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นในธุรกิจรับประกอบแผงวงจรสำเร็จรูปและผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ประเภท non-traditional และความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยีของอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ ของบริษัทประกอบด้วยความเสี่ยงจากความผันผวนของความต้องการใช้เงินทุนหมุนเวียน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อกระแสเงินสดจากการดำเนินงานและสถานะทางการเงินของบริษัทได้ นอกจากนี้ SVI ยังเผชิญกับความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนเนื่องจากกระแสเงินสดจากการดำเนินงานของบริษัทเกือบทั้งหมดอยู่ในรูปสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ และสกุลเงินยูโร ในขณะที่หนี้สินประมาณ 40% อยู่ในรูปสกุลเงินบาท อย่างไรก็ตามความเสี่ยงดังกล่าวได้ถูกลดทอนบางส่วนจากการทำสัญญาซื้อขายเงินตราต่างประเทศล่วงหน้า
แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพสะท้อนถึงแนวโน้มที่ SVI จะสามารถรักษาอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่าย และค่าเช่า (EBITDAR margin) ให้อยู่ในระดับปัจจุบันที่ 10% และสามารถสร้างกระแสเงินสดจากการดำเนินงานเพียงพอสำหรับเงินลงทุนและเงินปันผล และรักษาอัตราส่วนหนี้สินและสภาพคล่องให้อยู่ในระดับที่สอดคล้องกับอันดับเครดิต ณ ปัจจุบัน
อันดับเครดิตของ SVI อาจถูกพิจารณาปรับลดได้หากหนี้สินสุทธิของบริษัทเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเนื่องจากการจ่ายเงินปันผลที่สูงและการลงทุนที่สูงกว่าที่คาดไว้ ซึ่งส่งผลให้อัตราส่วนหนี้สินสุทธิที่ปรับปรุงแล้วต่อกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่าย และค่าเช่า(Adjusted net debt to EBITDAR) สูงกว่า 1.0 เท่าอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้อันดับเครดิตอาจถูกพิจารณาปรับลดได้หากอัตราส่วนกำไรของบริษัทปรับตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญ บริษัทสูญเสียสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่ง และสูญเสียลูกค้ารายสำคัญ ในทางกลับกันอันดับเครดิตของ SVI อาจถูกพิจารณาปรับเพิ่มได้หากยอดขายและขนาดธุรกิจของบริษัทมีการขยายตัวอย่างมีนัยสำคัญ และมีการกระจายตัวของลูกค้าและกลุ่มลูกค้าตามภูมิภาคมากขึ้น โดยต้องไม่มีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่ออัตราส่วนกำไร และอัตราส่วนหนี้สินสุทธิของบริษัท
หลักเกณฑ์การจัดอันดับเครดิตหาได้ที่ www.fitchratings.com ในการจัดอันดับเครดิตฟิทช์ได้ใช้หลักเกณฑ์ตาม Corporate Rating Methodology ลงวันที่ 24 พฤศจิกายน 2552
ติดต่อ: โอบบุญ ถิรจิต, พิมรำไพ ปันยารชุน, Vincent Milton, + 662 655 4755
Simone Brehmer, Frankfurt, + 49 69 768076 263
หมายเหตุ: การจัดอันดับเครดิตภายในประเทศ (National Ratings) เป็นการวัดระดับความน่าเชื่อถือในเชิงเปรียบเทียบกันระหว่างองค์กรในประเทศนั้นๆ โดยจะใช้ในประเทศที่อันดับเครดิตแบบสากลของรัฐบาลในประเทศนั้นอยู่ในระดับที่ค่อนข้างต่ำ อันดับเครดิตขององค์กรที่ดีที่สุดของประเทศได้จัดไว้ที่ระดับ “AAA” และการจัดอันดับเครดิตอื่นในประเทศ จะเป็นการเปรียบเทียบความเสี่ยงกับองค์กรที่ดีที่สุดนี้เท่านั้น อันดับเครดิตภายในประเทศได้ถูกจัดทำขึ้นเพื่อใช้ในตลาดในประเทศเป็นหลักและจะมีสัญลักษณ์ที่กำหนดไว้ต่อท้ายจากอันดับเครดิตสำหรับประเทศนั้นๆ เช่น “AAA(tha)” ในกรณีของประเทศไทย ดังนั้นอันดับเครดิตภายในประเทศจึงไม่สามารถใช้เปรียบเทียบระหว่างประเทศได้
ข้อมูลเพิ่มเติมหาได้ที่ www.fitchratings.com
การใช้อันดับเครดิตที่จัดทำโดยฟิทช์เรทติ้งส์มีข้อจำกัดและขอบเขตการใช้ ซึ่งข้อจำกัดและขอบเขตของการใช้อันดับเครดิตดังกล่าวสามารถหาได้จาก HTTP://FITCHRATINGS.COM/UNDERSTANDINGCREDITRATINGS นอกจากนี้คำจำกัดความของอันดับเครดิตและการใช้อันดับเครดิตของ ฟิทช์ เรทติ้งส์ สามารถหาได้จาก www.fitchratings.com อันดับเครดิตที่ประกาศ หลักเกณฑ์และวิธีการจัดอันดับเครดิต ได้แสดงไว้ในเว็บไซต์ดังกล่าวตลอดเวลา หลักจรรยาบรรณ การรักษาข้อมูลภายใน ความขัดแย้งทางผลประโยชน์ที่อาจเกิดขึ้น แนวทางการเปิดเผยข้อมูลระหว่างบริษัทในเครือ กฎข้อบังคับรวมทั้งนโยบายและกระบวนการที่เกี่ยวข้องอื่นๆของฟิทช์ ได้แสดงไว้ในส่วน ‘หลักจรรยาบรรณ’ ในเว็บไซต์ดังกล่าวเช่นกัน