นางจุไรรัตน์ กล่าวว่า บสท. มีฐานะเป็นหน่วยงานของรัฐที่มิใช่ส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจจัดตั้งขึ้นตามพระราชกำหนดบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย พ.ศ.2544 ทำหน้าที่บริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพจากสถาบันการเงินและบริษัทบริหารสินทรัพย์ มีทรัพย์สินรอการขายที่ได้มาจากการปรับโครงสร้างหนี้ของลูกหนี้เป็นที่ดินและ อสังหาริมทรัพย์ บสท. มีหน้าที่ในการบริหารโดยต้องจำหน่ายทรัพย์สินเหล่านี้ให้ได้เงินสดมาเพื่อการจัดสรรคืนให้สถาบันการเงินและบริษัทบริหารสินทรัพย์ที่โอนหนี้มาให้บสท. บริหาร
นางจุไรรัตน์ กล่าวว่า ทรัพย์สินรอการขายของ บสท. จึงมิใช่ที่ดินของรัฐตามที่กลุ่มเกษตรกรเข้าใจ อย่างไรก็ตาม บสท. ได้ให้การสนับสนุนนโยบายภาครัฐในการจัดสรรที่ดินทำกินเพื่อการเกษตรกรรม โดยร่วมมือกับสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ( สปก. ) นำที่ดินที่ บสท. บริหารจัดการเสนอต่อ สปก. เพื่อพิจารณาความเหมาะสม ตามหลักเกณฑ์การจัดการที่ดินให้แก่กลุ่มเกษตรกรและได้มีข้อตกลงกับสำนักงานปฏิรูปที่ดินจังหวัดเพชรบุรีที่จะซื้อที่ดิน 1 รายการ ตั้งอยู่ในเขตตำบลกลัดหลวง และตำบลเขากระปุก อำเภอท่ายาง จังหวัดเพชรบุรี เนื้อที่ประมาณ 3,534-2-73 ไร่ เพื่อจัดที่ดินและแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินแก่เกษตรกรสภาประชาชน 4 ภาค ซึ่งหลักการซื้อขายทั้งหมดเบื้องต้นได้ตกลงระหว่างกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว รอเพียงการปฏิบัติตามขั้นตอนต่าง ๆ ตามระเบียบคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจัดหาที่ดินและจัดที่ดิน ให้แก่กลุ่มเกษตรกรที่ได้รับความช่วยเหลือเรื่องที่ดินทำกินตามมติคณะรัฐมนตรี พ.ศ.2552 ดังนั้น การกล่าวอ้างที่ว่ากลุ่มสภาเครือข่ายประชาชนอีสาน ( สอส.) สภาประชาชน 4 ภาค ได้มีการตกลงซื้อขายที่ดินกับ บสท. ตามจังหวัดอื่น นอกเหนือจากที่จังหวัดเพชรบุรีไม่เป็นความจริง บสท. ยังมิได้มีข้อตกลงซื้อขายที่ดินเหล่านี้กับบุคคลใด การบุกรุกที่ดินของ บสท. ในภาคอีสานของสภาเครือข่ายประชาชนอีสาน สภาประชาชน 4 ภาค และกลุ่มสมาชิกดังที่กล่าวข้างต้น ถือว่าเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เข้าองค์ประกอบความผิดทางอาญาข้อหาบุกรุกและข้อหาอื่น ๆ ได้ หากมีข้อเท็จจริงอื่นปรากฏเพิ่มเติม
นางจุไรรัตน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า “ได้ให้ตัวแทนของ บสท. พยายามเข้าเจรจากับกลุ่มบุคคลที่เข้าบุกรุกดังกล่าว เพื่อทำความเข้าใจว่าการกระทำที่เกิดขึ้นเป็นความผิดต่อกฎหมายบ้านเมืองทางคดีอาญา เกษตรกรสามารถดำเนินการผ่านกระบวนปฏิรูปที่ดินของ สปก. เพื่อจัดสรรที่ทำกินให้ ซึ่งเป็นช่องทางที่ถูกต้องเหมาะสม และขอให้ผู้บุกรุกออกไปจากพื้นที่ทันที ซึ่งการเจรจาก็ไม่เป็นผล บสท. จึงมีความจำเป็นที่จะต้องดำเนินการตามหน้าที่ โดยได้ดำเนินการแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตำรวจแต่ละท้องที่ที่เกิดเหตุซึ่งสถานีตำรวจบางท้องที่ก็ให้ความร่วมมือด้วยดี บางท้องที่ก็ให้ลงบันทึกประจำวันเป็นหลักฐานไว้ก่อน เพื่อให้เวลาระยะหนึ่ง ประมาณ 10-15 วันกับมวลชนผู้บุกรุกขนย้ายออกไป หากไม่ยอมขนย้ายออกไปก็จะรับแจ้งความร้องทุกข์ต่อไป
ฝ่ายการตลาดและบริหารข้อมูลทรัพย์สิน
ส่วนประชาสัมพันธ์
0-2265-5108
โทร. 0-2273-9021