นายนิพนธ์ จัยสิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท คิว.ที.ซี ทรานสฟอร์เมอร์ จำกัด ผู้ผลิตและ จำหน่ายหม้อแปลงไฟฟ้าชั้นนำของเมืองไทย เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ความวุ่นวายทางการเมืองในช่วงที่ผ่านมา ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อรายได้หลักของบริษัทในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ (มกราคม-มิถุนายน) โดยยังคงทำรายได้ตามปกติ เนื่องจากอุตสากรรมหม้อแปลงไฟฟ้า เป็นภาคธุรกิจที่มีช่วงอายุของการเจรจาล่วงหน้าระยะยาว จึงไม่สั่นคลอนต่อการทำตลาดในช่วงที่เกิดวิกฤตเหมือนสินค้าประเภทคอนซูเมอร์
สำหรับแผนการทำตลาดในปีนี้ ยังคงทำตลาดทั้งในและต่างประเทศ แบ่งสัดส่วนเป็น : ตามลำดับ ปัจจุบันได้ลูกค้าอย่างหลากหลาย ตั้งแต่ขนาดกลาง ไปจนถึงโครงการขนาดใหญ่ อาทิ โครงการคอนโดมิเนียม โครงการบ้านจัดสรร ส่วนแผนการผลิตหม้อแปลงไฟฟ้าของคิว.ที.ซี นั้น ได้มุ่ง เน้นคุณภาพการผลิต เป็นสำคัญ เช่น การออกแบบหม้อแปลงด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์สมบูรณ์แบบ เพื่อให้ได้ Specification ตามที่ลูกค้าต้องการและตรงตามวัตถุประสงค์ของการใช้งาน, การตัดเหล็กด้วยซิลิคอนแบบ Step Lab ช่วยทำให้ลดค่า No Load Loss Noise Level และ Load Current ทำให้ลดค่าใช้จ่าย, การพันคอยล์แบบ Long Layer ด้วยเครื่องจักร High Voltage Winding Machine ที่ควบคุมการดึงขวดลวดด้วยระบบคอมพิวเตอร์ เพื่อให้คุณภาพในการพันคอยล์ในแต่ละ Layer มีมาตรฐานเท่าเทียมกัน, การใช้เตาอบ Vacuum Drying and Filling Plant ในการไล่ความชื้นและเติมน้ำมัน เพื่อทำให้หม้อแปลงมีอายุการใช้งานนานขึ้น และสามารถลดระยะเวลาในการเติมน้ำมันและไล่ความชื้นเหลือเพียง 6 ชั่วโมง ซึ่งทำให้กระบวนการเดินไฟฟ้าของหม้อแปลง สามารถลดปริมาณ คาร์บอน ซึ่งช่วยลดการทำลายสิ่งแวดล้อม
ในระดับหนึ่ง รวมถึงยังเป็นผู้นำในการผลิตหม้อแปลง ที่เลือกใช้สี Water base ที่มีคุณภาพสามารถทนต่อทุกสภาพอากาศได้ดีมากกว่าสีที่ใช้ทั่วไป และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ด้วย
“ ที่ผ่านมา คิว.ที.ซี ได้รับการรับรองด้านมาตรฐานการผลิตจากหลายหน่วยงาน ไม่ว่าจะเป็นสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) มาตรฐาน ISO 9001:2000, ISO 14001:2004, OHSAS 18001:2007 ตลอดจนการได้รับสัญลักษณ์ Q-MARK ซึ่งเป็นรางวัลผู้ประกอบการที่มีคุณธรรมและจริยธรรมดีเด่น ปี 2551 จากสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ที่ยืนยันถึงการเป็นผู้ประกอบการที่ผลิตผลงานคุณภาพ และล่าสุดในปีนี้ยังได้รับรางวัลอุตสาหกรรมดีเด่น สาขา ประเภทการบริหารอุสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อม จากกระทรวงอุสาหกรรม ดังนั้นเราจึงมั่นใจในศักยภาพของการทำตลาด เพราะนับเป็นใบเบิกทางที่สร้างความเชื่อมั่นในการเปิดตลาดได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะตลาดต่างประเทศ ซึ่งยอมรับในคุณภาพของสินค้า และมีการสั่งออร์เดอร์อย่างต่อเนื่อง” นายนิพนธ์ กล่าว