รศ.ดร.ชัยวิทย์ ศิลาวัชนาไนย ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน (องค์การมหาชน) เปิดเผยว่า ในเบื้องต้นจากการหารือระหว่างผู้บริหารระดับสูงและนักวิจัยมีความสนใจร่วมกันที่จะพัฒนางานวิจัยด้านการเกษตร อาทิ การวิจัยเกี่ยวกับสายพันธุ์ข้าว ซึ่งจีนเป็นประเทศที่มีประชากรบริโภคข้าวมากที่สุดในโลกและไทยก็เป็นประเทศที่ส่งออกเป็นอันดับหนึ่งเช่นกัน และงานวิจัยด้านยางพารา เพราะจีนถือเป็นคู่ค้าอันดับหนึ่งของไทยในการสั่งซื้อนำเข้ายางพารา การพัฒนางานวิจัยด้านนี้จะเป็นการเพิ่มมูลค่าสินค้าทางการเกษตรของไทย สร้างความเข้มแข็งในการแข่งขันสู่ระดับโลกได้อย่างแน่นอน
“การลงนามบันทึกความร่วมมือของหน่วยงานวิจัยระดับชาตินี้ จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการพัฒนาความสัมพันธ์ทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีระหว่างประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีน รวมถึงการแลกเปลี่ยนความรู้ด้านเทคโนโลยีแสงซินโครตรอนและเทคโนโลยีอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง อาทิ เทคโนโลยีสุญญากาศ แม่เหล็ก ตลอดจนการนำแสงซินโครตรอนไปใช้เพื่อพัฒนาการวิจัยทั้งด้านวัสดุศาสตร์ สิ่งแวดล้อม เคมี ชีววิทยาและการแพทย์ การพัฒนาชิ้นส่วนจักรกลขนาดจิ๋ว และการขยายผลไปยังภาคเกษตรอุตสาหกรรม เป็นต้น”
ทั้งนี้หน่วยงานวิจัยระดับชาติของทั้งสองสถาบันมีพัฒนาการในด้านเทคโนโลยีซินโครตรอนที่คล้ายคลึงกันในสองประการคือ เป็นหน่วยงานที่พยายามพึ่งพาตนเองให้มากที่สุด โดยประเทศจีนสามารถสร้างและติดตั้งเครื่องกำเนิดแสงซินโครตรอนที่มีค่าพลังงานถึง 3.5 กิกะอิเล็กตรอนโวลท์ได้ด้วยตนเองด้วยศักยภาพด้านกำลังคนด้านวิทยาศาสตร์ที่มีจำนวนมาก ถึงแม้ว่าซินโครตรอนของไทยจะรับเครื่องกำเนิดแสงซินโครตรอนจากประเทศญี่ปุ่น แต่ระหว่างการติดตั้งบุคลากรของเราได้รับการถ่ายทอดและสร้างกำลังคนควบคู่กันไป เพื่อรองรับการพัฒนาศักยภาพของเครื่องซึ่งขณะนี้สามารถเพิ่มค่าพลังงานได้ที่ 1.2 กิกะอิเล็กตรอนโวลท์ เหล่านี้จะเป็นประโยชน์ในการถ่ายทอดเทคโนโลยีซินโครตรอนอย่างใกล้ชิดระหว่างประเทศ ในรูปแบบของการแลกเปลี่ยนบุคลากรผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีซินโครตรอน เช่น ระบบเครื่องเร่งอนุภาค ระบบควบคุม การจัดอบรมสัมมนา และการร่วมใช้อุปกรณ์เครื่องมือด้านวิทยาศาสตร์ที่ทันสมัย
งานประชาสัมพันธ์ สถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน
โทรศัพท์ 0-4421-7040 ต่อ 1251 โทรสาร 0-4421-7047
อีเมล : [email protected]