นางชวนพิศ ฉายเหมือนวงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซันไชน์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (SSE) เปิดเผยว่าที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2553 ได้มีมติอนุมัติให้เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น บริษัท พี พลัส พี จำกัด (มหาชน) และจะเปลี่ยนชื่อย่อหลักทรัพย์เป็น PLUS ด้วย ถือเป็นการรีแบรนด์ครั้งใหม่ซึ่งต้องการจะสะท้อนให้สาธารณชนได้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของบริษัทฯ ว่าไม่เหมือนเดิมอีกแล้วนับจากนี้ ซึ่งภายหลังจากที่ได้เข้ามาบริหารงาน ได้มีการปรับเปลี่ยนการทำงานในหลายๆ ส่วนด้วยกัน โดยจะมีกรอบและกติกาในการทำงานอย่างชัดเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่งนโยบายด้านการลงทุนของบริษัทต่อไปจะเน้นการลงทุนระยะยาว เลือกลงทุนบริษัทที่มีกำไรที่ดี ผู้บริหารมีวิสัยทัศน์ ในการดำเนินงาน สามารจ่ายปันผลในระดับที่น่าพอใจ ส่วนที่เป็นการลงทุนระยะสั้นจะเลือกพิจารณาเป็นกรณีไป
พร้อมกันนี้ผู้ถือหุ้นได้อนุมัติการเข้าซื้อหุ้นของบริษัท โรงพิมพ์ตะวันออก จำกัด (มหาชน) (EPCO) ซึ่งเป็นรายการได้มาซึ่งสินทรัพย์และรายการที่เกี่ยวโยงกัน และขออนุมัติรับความช่วยเหลือทางการเงินจากบุคคลที่เกี่ยวโยงกันเพื่อใช้เป็นแหล่งเงินทุนในการเข้าทำรายการดังกล่าว โดยในวาระนี้ มีผู้ถือหุ้นเข้าร่วมประชุมมีจำนวนหุ้นรวมทั้งสิ้น 380,251,695 หุ้น เป็นหุ้นที่ถือโดยบุคคลที่มีส่วนได้เสีย 46,317,940 หุ้น คงเหลือหุ้นที่มีสิทธิออกเสียงรวม 333,933,755 หุ้น
ทั้งนี้ ที่ประชุมผู้ถือหุ้นได้อนุมัติการเข้าซื้อหุ้นของ EPCO โดยมีเสียงที่เห็นด้วยจำนวน 333,778,243 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 99.95 ของจำนวนหุ้นที่มีสิทธิออกเสียง และไม่เห็นด้วย 144,512 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 0.04 และงดออกเสียง 11,000 หุ้น ในส่วนของการรับความช่วยเหลือทางการเงินจากบุคคลที่เกี่ยวโยงกันเพื่อใช้เป็นแหล่งเงินทุนในการเข้าทำรายการเข้าซื้อหุ้นของ EPCO มีเสียงที่เห็นด้วยจำนวน 333,789,243 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 99.96 และไม่เห็นด้วย 144,512 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 0.04
“การเข้ามารับเป็นผู้บริหารของที่นี่ถือเป็นงานที่ท้าทายมาก และเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงการเปลี่ยนแปลงที่ดีที่สุด ซึ่งดิฉันพร้อมที่จะทุ่มเทสรรพกำลังให้กับการทำงานอย่างเต็มที่ รวมไปถึงจะต้องสร้างผลประโยชน์สูงสุดให้เกิดแก่ผู้ถือหุ้นและบริษัทด้วย โดยเราวางเป้าหมายไว้ว่าในอนาคตบริษัทแห่งนี้จะต้องพลิกฐานะให้กลายเป็นบริษัทจดทะเบียนที่มีปัจจัยพื้นฐานดีให้ได้ และหนึ่งในแผนงานที่สำคัญก็คือการเข้าไปลงทุนใน EPCO ซึ่งจะเป็นแรงสนับสนุนที่สำคัญต่อการเติบโตของบริษัทในอนาคต เนื่องจาก EPCO จะเป็นฐานรายได้สำคัญ ทั้งนี้เห็นภาพชัดอยู่แล้วในส่วนของผลประกอบการซึ่งที่ผ่านมามีกำไรสุทธิต่อเนื่องทุกปี ปีละมากกว่า 100 ล้านบาท และจ่ายเงินปันผลในระดับสูงต่อเนื่องทุกปีด้วยเช่นกัน จุดนี้คือส่วนสำคัญที่จะเข้ามาเสริมใ ห้บริษัทของเรามีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น”
นอกจากนั้น ยังมีแรงเสริมจากผลประกอบการของ บริษัท อควา คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทลูก มีแนวโน้มดีขึ้นตามลำดับ โดยเฉพาะในปี 2553 คาดว่าจะโดดเด่นขึ้นมาก เนื่องจากดำเนินธุรกิจเกี่ยวข้องกับสื่อโฆษณา ซึ่งในปีนี้ได้รับผลบวกจากการฟื้นตัวทางด้านเศรษฐกิจของประเทศอย่างมาก และยังมีแนวโน้มที่ดีต่อเนื่องไปในอนาคตด้วย
สำหรับแผนการลงทุนใน EPCO คาดว่าขั้นตอนทั้งหมดจะเสร็จสิ้นภายในปีนี้อย่างแน่นอน โดยบริษัทได้จัดเตรียมเงินลงทุนเอาไว้อย่างเพียงพอสำหรับการลงทุนในครั้งนี้ และขอยืนยันว่าจากการลงทุนในครั้งนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องและฐานะทางการเงินของบริษัทอย่างแน่นอน