ดิ ออฟโต รุกเปิดศูนย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพสายตาแห่งแรกของไทย ยกระดับหนีร้านแว่น ขึ้นเทียบชั้นโรงพยาบาล หวังชิงแชร์ตลาดแว่นตา 5,500 ล้าน

พุธ ๑๑ สิงหาคม ๒๐๑๐ ๑๐:๔๖
ตลาดแว่นตา 5,500 ล้าน แข่งดุ ส่งผลผู้ประกอบการร้านแว่นดิ้นหนีตาย เร่งทำยอดเน้นกลยุทธ์ด้านราคาและส่งเสริมการขาย ลด แลก แจก แถม ทำคุณภาพสินค้าและบริการตก ขณะที่คนไทยมีปัญหาด้านสายตามากขึ้น แต่ไม่สะดวกใช้บริการโรงพยาบาล ด้าน ดิ ออฟโต (The Opto) สบช่องทุ่ม 30 ล้าน รุกเปิดศูนย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพสายตาแห่งแรกของไทย ชูจุดแข็งเหนือร้านแว่น เทียบชั้นโรงพยาบาล ด้วยเทคโนโลยีการตรวนวัดที่ทันสมัยและให้บริการ โดย นักทัศนมาตร ตั้งเป้ากวาดรายได้ 15 ล้านบาท ก่อนถึงสิ้นปี

นางสาว ชุลีพร ชมพัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดิ ออฟโต จำกัด เปิดเผยถึงสภาพตลาดของกลุ่มธุรกิจแว่นตาในปีนี้ (2553) ว่า มูลค่ารวมของตลาดแว่นตายังคงตัวอยู่ที่ 5,500 บาทต่อปี เช่นเดียวกับปีที่ผ่านมาและยังมีอัตราการการขยายตัวประมาณปีละ 5% แต่ในตลาดแว่นตาบางกลุ่มเริ่มเข้าสู่ภาวะอิ่มตัวและมีการแข่งขันกันสูงขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการประเภทร้านแว่นเน้นไปใช้กลยุทธ์ด้านราคา ส่งเสริมการขาย และขยายตลาดในเชิงปริมาณ เพื่อกระตุ้นการซื้อและรักษายอดขาย ส่งผลให้คุณภาพของสินค้าและบริการเริ่มมีปัญหาความเชื่อมั่นจากกลุ่มลูกค้าที่เป็นผู้มีปัญหาด้านสายตา ซึ่งถือว่าเป็นกลุ่มหลักของตลาดเพราะตลาดแว่นสายตามีสัดส่วนสูงถึง 80% ทำให้ลูกค้ากลุ่มนี้เริ่มมองหาทางเลือกใหม่ ซึ่งไม่ใช่การเข้าไปใช้บริการของโรงพยาบาลเนื่องจากความไม่สะดวก จากช่องว่างดังกล่าวทำให้เกิดโอกาสใหม่ (Blue Ocean) ทางการตลาดขึ้น

ด้วยเหตุนี้ทำให้ ดิ ออฟโต ซึ่งมีความพร้อมทั้งเทคโนโลยีและประสบการณ์ด้านธุรกิจแว่นตา ได้อาศัยจังหวะและโอกาสทางการตลาดในการรุกเข้าถึงความต้องการของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่มีปัญหาด้านสายตาโดยตรง ด้วยการเปิด ดิ ออฟโต ศูนย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพสายตาแห่งแรกของประเทศไทยขึ้น โดยมีระดับการให้บริการที่เหนือกว่าร้านแว่นตาทั่วไปและมีความน่าเชื่อถือเช่นเดียวกับโรงพยาบาล ด้วยเทคโนโลยีและอุปกรณ์การตรวจสายตาที่ทันสมัยที่สุดขณะนี้ พร้อมด้วยการตรวจวิเคราะห์ปัญหาทางด้านสายตาครอบคลุมถึง 11 ขั้นตอน ภายใต้การดู ให้คำแนะนำ และแก้ปัญหาด้านสายตาด้วยเลนส์ โดย นักทัศนมาตร (Optometrist) ซึ่งเป็นหมอผู้เชี่ยวชาญด้านสายตาโดยตรง

สำหรับการลงทุนในเบื้องต้นของ ดิ ออฟโต นั้น อยู่ที่ประมาณ 30 ล้านบาท (ไม่รวมแวนตาและอุปกรณ์แว่นตาภายในร้าน) มีพื้นที่ให้บริการ 400 ตารางเมตร อยู่บนพื้นที่ชั้น G สถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน ลาดพร้าว ซึ่งถือว่าเป็นสถานีสำคัญและเป็นที่จอดรถขนาดใหญ่ของรถไฟฟ้าใต้ดิน สามารถเดินทางได้สะดวก ประหยัดเวลา และยังถือเป็นข้อได้เปรียบในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย เนื่องจากผู้ใช้บริการส่วนใหญ่ของรถไฟฟ้าใต้ดินจะเป็นกลุ่มคนทำงาน นักเรียน นักศึกษา และประชาชนทั่วไป ซึ่งมีจำนวนผู้โดยสารที่เดินทางด้วยรถไฟฟ้าใต้ดินเฉลี่ยสูงถึง 200,000 คนต่อวัน นอกจากนั้นยังพบว่าคนไทยส่วนใหญ่มีอัตราความเสี่ยงทีจะเกิดปัญหาด้านสายตาเพิ่มขึ้นในระดับสูง โดยเฉพาะในช่วยอายุ 30-40 ปี โดยมีสาเหตุใหญ่มาจากการใช้ชีวิตประจำวันที่มีการใช้สายตามากขึ้น ทั้งการใช้งานคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์การสื่อสาร ที่มีการใช้งานมากและระยะเวลานานขึ้น จากข้อมูลดังกล่าวทำให้ ดิ ออฟโต วางเป้าหมายแรกจนถึงสิ้นปี 2553 ไว้ว่าจะมีผู้มาใช้บริการสูงถึง 30-50 รายต่อวัน และสร้างผลประกอบการได้ถึง 15 ล้านบาทก่อนสิ้นปีนี้ ส่วนปี 2554 น่าจะเติบโตได้อย่างก้าวกระโดดถึง 60 ล้านบาท

สำหรับกลยุทธ์การตลาดในช่วงแรกของ ดิ ออฟโต นั้น จะเป็นการสร้างความรู้จักและดึงดูดให้กลุ่มเป้าหมายให้เข้ามาทดลองใช้บริการ เพื่อสัมผัสถึงความแตกต่างและมาตรฐานการตรวจวัด พร้อมทั้งสร้างความรู้ความเข้าใจในความสำคัญของการตรวจวิเคราะห์ปัญหาด้านสายตา จาก นักทัศนมาตร ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับการรับรองจากกระทรวงสาธารณสุข เป็นประจำทุกปีเช่นเดียวกับการตรวจสุขภาพ โดยได้เตรียมงบประมาณในการโฆษณา ประชาสัมพันธ์ และจัดกิจกรรมทางการตลาดไว้ประมาณ 5 ล้านบาท จนถึงปลายปี โดยเลือก ตุ้ย ธีรภัทร์ สัจจกุล และ พิม ซอนย่า วัชรสินธุ์ (คูลลิ่ง) มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ (Presenter) ให้กับ ดิ ออฟโต เนื่องจากเป็นที่รู้จัก มีไลฟ์สไตล์เป็นคนรุ่นใหม่ เป็นคนทำงานที่ประสบความสำเร็จและได้รับการยอมรับในสังคม นอกจากนั้นยังมีแผนการจัดกิจกรรมโรดโชว์ ไปยังอาคารสำนักงานต่างๆ บริเวณใกล้เคียงสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน และกิจกรรมส่งเสริมการขายเฉพาะในโอกาสสำคัญๆ ตลอดปีอีกด้วย

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๒ พ.ย. รีเลชั่นชิพรีพับบลิค แนะกลยุทธ์สำคัญ นำพาธุรกิจร้านอาหารสู่ความสำเร็จ มัดใจลูกค้าให้อยู่หมัด
๒๒ พ.ย. ชมนวัตกรรมสุดล้ำในงาน METALEX 2024 หลายแบรนด์แกะกล่องเครื่องจักรครั้งแรกในงานนี้
๒๒ พ.ย. Bangkok Illustration Fair 2024 สู่การเติบโตก้าวใหญ่ในปีที่ 4
๒๒ พ.ย. ผลการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลโดย IMD ประจำปี 2567 TMA เผยไทยครองอันดับ 37 ในการจัดอันดับด้านดิจิทัลปีนี้
๒๒ พ.ย. โก โฮลเซลล์ จัดเต็มสินค้า ส่งสุข สุดอร่อย เฉลิมฉลองเทศกาลส่งท้ายปี เข้มกระเช้าปีใหม่ดีมีมาตรฐาน พร้อมชู อาหารแช่แข็ง-อาหารสด
๒๒ พ.ย. กทม. จับมือสถานทูตเนเธอร์แลนด์ ประจำประเทศไทย จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ ACTIVE Workshop เมืองเดินเท้า และจักรยานสัญจร ครั้งที่
๒๒ พ.ย. สัมผัสความหรูหราของวิลล่าริมทะเล VEYLA NATAI RESIDENCES ผ่านประสบการณ์เหนือระดับในงาน SOUL of VEYLA
๒๒ พ.ย. 'แอสเซทไวส์' จับมือ 'สยามกีฬา' เปิดศึกลูกหนังยุวชนทัวร์นาเมนต์ใหญ่แห่งปี AssetWise Siamkeela Cup 2024-25 ต่อเนื่องเป็นปีที่
๒๒ พ.ย. โรงแรมเรเนซองส์ เปิดตัว R FINDS แพลตฟอร์มดิจิทัลระดับโลก ที่จะเชื่อมมนต์เสน่ห์ชุมชนท้องถิ่นสู่นักเดินทางทั่วโลก
๒๒ พ.ย. electric.neon.lamp หยิบเพลงฮิต แม้ ใส่ฟีลดนตรีเหงาปนเศร้าในแบบ Piano Version