นายอภิชาติ อินทร์พงษ์พันธุ์ ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคตะวันออกเฉียงเหนือ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า “ ททท.ภูมิภาคอีสาน ตั้งเป้าเร่งทำตลาดท่องเที่ยวอีสานในช่วงครึ่งปีหลังด้วยการจัดกิจกรรมเจาะไปยังตลาดกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างๆ ทั้งนี้สำหรับกลุ่มตลาดในประเทศนั้น ททท.ตั้งเป้า ฟื้นตลาดประชุมสัมมนาให้กลับมาคึกคักเช่นเดิม เดิมตัวเลขการเดินทางของนักท่องเที่ยวในกลุ่มตลาดประชุมสัมมนานั้นสูงถึง 30% แต่ที่ผ่านมาผู้ประกอบการอาจได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมืองบ้างแต่ขณะนี้สถานการณ์เริ่มฟื้นตัวแล้ว ททท.จึงจัดโครงการส่งเสริมการเดินทางท่องเที่ยวภาคอีสานสู่กลุ่มตลาดเฉพาะ โดยเน้นไปยังกลุ่มองค์กรปกครองท้องถิ่นและสมาคมส่งเสริมการประชุมนานาชาติ (ไทย) เพื่อกระตุ้นให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวของกลุ่มตลาดคอร์ปอเรทจากภูมิภาคอื่นๆเข้าสู่พื้นที่ภาคอีสาน โดยจัดกิจกรรม 2 ครั้ง ครั้งแรกจัดขึ้นที่ จ.อุบลราชธานี เมื่อช่วงต้นเดือนสิงหาคม ที่ผ่านมา ด้วยการนำกลุ่มองค์กรปกครองท้องถิ่นจาก จ.สิงห์บุรี มาเยี่ยมชม และแนะนำโรงแรม ที่พัก ความพร้อมด้านสถานที่ประชุมสัมมนา ตลอดจนแนะนำแหล่งท่องเที่ยว และงานประเพณีที่น่าสนใจในภูมิภาคอีสาน เพื่อเพิ่มยอดการจับจ่ายต่อหัวของนักท่องเที่ยว สำหรับกิจกรรมในครั้งที่ 2 จะจัดขึ้นในวันที่ 10 — 12 กันยายน นี้ ที่ จ.อุดรธานีและขอนแก่น นอกจากนี้ ททท.ยังได้เตรียมจัดกิจกรรมคาราวานรถยนต์เที่ยวอีสาน มหัศจรรย์ทุ่งดอกกระเจียว สู่วังน้ำเขียวสวิสเซอร์แลนด์แดนอีสาน ในวันที่ 20 — 22 สิงหาคมนี้ เพื่อกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยว ในประเทศและเปิดมิติใหม่ของการท่องเที่ยวอีสานหน้าฝน”
นายอภิชาติ เปิดเผยต่อไปว่า “สำหรับนักท่องเที่ยวต่างประเทศนั้น กว่า 60% มาจากตลาด แถบเอเชียและกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน ส่วนตลาดยุโรป 30% โดยจังหวัดที่เป็นจุดหมายปลายทาง ได้แก่ หนองคาย อุดรธานี นครราชสีมา มุกดาหาร อุบลราชธานี ขอนแก่น นครพนม และมีแนวโน้มที่จะกระจายการเดินทางไปในเส้นทางท่องเที่ยวเมืองชายแดน เนื่องจากศักยภาพการท่องเที่ยวภาคอีสานมีจุดผ่านแดนเชื่อมกับประเทศเพื่อนบ้านมากกว่า 10 ด่านและในทางกลับกันยังสามารถนำนักท่องเที่ยวต่างประเทศเข้ามายังประเทศไทยผ่านทางด่านชายแดนได้อีกด้วย ซึ่งสอดคล้องกับกระแสการท่องเที่ยวของชาวต่างชาติ ที่เริ่มนิยมการเดินทางท่องเที่ยวในรูปแบบอนุภูมิภาคมากขึ้น ทั้งนี้ ททท.กำลังดำเนินการจัดทำแผนตลาดการท่องเที่ยวของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประจำปี 2554 โดยให้ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายทั้งตลาด ในประเทศและต่างประเทศให้ครอบในทุกกลุ่มเป้าหมาย อาทิ กลุ่มครอบครัว , วัยทำงาน , ผู้สูงอายุ , เยาวชน , Expats , กลุ่มประชุมสัมมนา รวมทั้งส่งเสริมการตลาดให้เข้าถึงกลุ่มความสนใจเฉพาะ เช่น ศาสนา ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ ท่องเที่ยวเพื่อเสริมสร้างประสบการณ์ชีวิต เป็นต้น”
นายอภิชาติ กล่าวเพิ่มเติมว่า “สำหรับกิจกรรมส่งเสริมตลาดท่องเที่ยวต่างประเทศที่ ททท.จัดขึ้น ช่วงครึ่งปีหลังนั้น จะเน้นไปที่กลุ่มนักท่องเที่ยวญี่ปุ่น เนื่องจากเป็นลูกค้าชั้นดี และมียอดการจับจ่ายต่อหัว ในเรื่องของการท่องเที่ยวค่อนข้างสูง เฉลี่ย 10,000 บาท ต่อคน/วัน ตลอดจนแนวโน้มของบริษัทนำเที่ยวญี่ปุ่นเริ่มหันกลับมาขายแพ็กเกจเที่ยวไทย ภายหลังรัฐบาลญี่ปุ่นได้ปลดล็อก “ทราเวล วอร์นนิ่ง (ระงับการเดินทางมาเที่ยวไทย) โดยนักท่องเที่ยวที่เดินทางด้วยตัวเองมีการฟื้นตัวอย่างชัดเจน ขณะที่กรุ๊ปทัวร์ ยังทรงตัว จึงนับเป็นโอกาสที่ดีของภูมิภาคอีสานที่จะทำตลาดกับกลุ่มนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นอย่างจริงจัง ซึ่งปัจจัยสำคัญที่สามารถดึงดูดกลุ่มนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นได้นั้น ททท.มองว่าเรื่องวิถีชีวิตและวัฒนธรรมไทย จะเป็นแม่เหล็กที่ดึงนักท่องเที่ยวคุณภาพกลุ่มนี้ให้เดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทยได้ ขณะเดียวกันประเทศไทยต้องเตรียมความพร้อมด้านสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ทั้งการเดินทาง โรงแรม ที่พัก ที่ต้องคำนึงถึงมาตรการด้านความปลอดภัย ตลอดจนสุขอนามัยด้านอาหาร ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่เราต้องเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้”
ทั้งนี้ ในวันที่ 19 — 21 สิงหาคม นี้ ททท. ภูมิภาคอีสาน มีแผนที่จะจัดกิจกรรม Fam Trip โดยนำกลุ่มครู อาจารย์ ชาวญี่ปุ่น ซึ่งสอนหนังสือให้กับชาวญี่ปุ่นในประเทศไทย กว่า 20 คน ไปเยี่ยมชมเส้นทางท่องเที่ยวตามรอยไดโนเสาร์ ใน จ.นครราชสีมา — ขอนแก่น — กาฬสินธุ์ เนื่องจากมีความน่าสนใจและเป็น อีกหนึ่งแหล่งเรียนรู้อันทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ของภูมิภาคอีสาน ซึ่งคาดว่าจะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีเหมือนครั้งที่ผ่านมา และจากการที่ ททท. ภูมิภาคอีสานมุ่งเน้นการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายมาโดยตลอดนั้น คาดว่าจะส่งผลให้มียอดเงินสะพัดในภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือกว่า 40,000 ล้านบาท มากกว่า ปีที่ผ่านมาถึง 10%