นายมนัส สร้อยพลอย อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า จากการที่ได้จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการ AFTA Hotline 1385 ตั้งแต่เดือนมกราคม 2553 เป็นต้นมา เพื่อให้บริการแก่ผู้ประกอบการและประชาชนทั่วไปในการติดต่อ สอบถามข้อสงสัย รวมทั้งติดตามประเมินผล จากการลดภาษีเป็นศูนย์ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2553 ภายในกลุ่มประเทศอาเซียน 10 ประเทศ ปัจจุบันได้มีผู้สอบถามเข้ามาน้อยลง จึงได้ให้มีการบูรณาการระหว่างศูนย์ปฏิบัติการ AFTA กับศูนย์บริการประชาชน (ประกอบด้วยศูนย์บริการประชาชน Call Center 1385, ศูนย์บริการข้อมูลข่าวสาร ตาม พ.ร.บ. ข้อมูลข่าวสาร และศูนย์รับเรื่องร้องเรียน) รวมเป็น “ DFT Center ” ให้บริการให้คำปรึกษาทั้งทางโทรศัพท์ เว็ปไซท์ เว็ปบอร์ด และผู้ที่เดินทางมาติดต่อด้วยตนเอง โดยเปิดให้บริการให้คำปรึกษาด้านการค้าต่างประเทศ จากเดิมผู้มาติดต่อจะต้องขึ้นไปติดต่อกับเจ้าหน้าที่ของกองหรือสำนักที่รับผิดชอบ แต่ต่อไปจะให้ผู้ที่ให้คำแนะนำมาให้บริการที่ DFT Center ชั้น 4 ของกรม ให้เป็นศูนย์การให้บริการแบบเบ็ดเสร็จ
นายมนัส ฯ ได้กล่าวต่อไปว่า จากแนวคิดที่ต้องการให้กรมฯ เป็นองค์กรสู่ความเป็นเลิศ จึงเกิดการปรับภาพลักษณ์องค์กรใหม่ให้ทันสัยและโดดเด่น เริ่มจากการปรับตราสัญลักษณ์และเครื่องแบบใหม่ของเจ้าหน้าที่ซึ่งได้เปิดตัวไปแล้วในงาน DFT 68 ปี สู่ความเป็นเลิศ เปิดแนวรุก บุกตลาด AFTA เมื่อวันที่ 4 สิงหาคมที่ผ่านมา โดยได้รับเกียรติจาก ฯพณฯ นายกรัฐมนตรีเป็นประธานในงานเปิดตัว และยังได้ปรับปรุงสถานที่ในส่วนงานที่ให้บริการกับประชาชน เพื่อให้สอดคล้องกับภาพลักษณ์ภายนอกที่ได้เปลี่ยนแปลงใหม่ จึงได้ย้ายหน่วยงานภายในมาอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกัน คือ ชั้น 3 ชั้น 4 และ ชั้น 5 ซึ่งเป็นส่วนที่ให้บริการออกหนังสือสำคัญการส่งออกนำเข้าสินค้า และการตรวจสอบต้นทุนสินค้า รวมเป็นงานให้บริการในการออกหนังสือสำคัญต่าง ๆ เพื่อความสะดวก และสอดคล้องกับการให้บริการของกรมที่เน้นการให้บริการทางระบบอิเล็คทรอนิกส์มากขึ้น
จากสถิติ การให้บริการออกหนังสือสำคัญต่าง ๆ ของกรมฯ ในปี 2553 (ม.ค. — ก.ค.) จำนวน 614,339 ฉบับ เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปีก่อนหน้าร้อยละ 8.8 โดยปี 2552 ออกหนังสือสำคัญไปจำนวน 989,466 ฉบับ สำหรับสถิติการติดต่อสอบถามเข้ามาทางโทรศัพท์สายด่วน 1385 ในปี 2553 (ม.ค. — ก.ค.) จำนวน 83,718 สาย เฉลี่ยเดือนละ 11,959 สาย มีผู้เดินทางมาติดต่อสอบถามด้วยตนเองเฉลี่ยเดือนละ 75 คน