1. เพื่อส่งเสริมกิจกรรมวันแม่แห่งชาติ
กิจกรรมกระเป๋ากันง่วง...ลดอุบัติเหตุ เป็นกระบวนการเสริมสร้าง ความสัมพันธ์ระหว่างแม่และลูก/ครอบครัว โดยอาศัยการเล่มเกมส์
แม่กับลูกร่วมกัน ตอบคำถามร่วมกัน โครงการรณรงค์ กระเป๋ากันง่วง...ลดอุบัติเหตุ เป็น สื่อกลางของกิจกรรมวัน แม่แห่งชาติ 2553
ซึ่งเป็นกิจกรรมที่สังคมยอมรับ สามารถก่อให้เกิดความสุข สนุกสนาน เพลิดเพลิน และส่งเสริมสถาบันครอบครัวเป็นอย่างดี
2. เพื่อเสริมสร้างประสบการณ์ความรู้การป้องกันง่วงหลับใน
กิจกรรมกระเป๋ากันง่วง...ลดอุบัติเหตุ ช่วยสร้างประสบการณ์ใหม่ให้แก่ผู้ร่วมกิจกรรม เกี่ยวกับการป้องกันตนเอง และครอบครัวเมื่อ
มีอาการง่วงแล้วหลับใน เน้นเตือนสร้างจิตสำนึก ความพร้อม สมาธิ ในขณะที่ขับรถให้แก่ผู้ ร่วมเล่นกิจกรรม และจากเนื้อหาของ
คำถามและคำตอบสามารถสร้างความรู้อันเกิดจากแผนการรณรงค์กระเป๋ากันง่วง...ลดอุบัติเหตุ
3. เพื่อส่งเสริมการแสดงออกของแม่กับลูก/ครอบครัว
กิจกรรมกระเป๋ากันง่วง...ลดอุบัติเหตุ เป็นการส่งเสริมให้แม่และลูก/ครอบครัว ได้แสดงออกร่วมกันตอบคำถาม ทางด้านความรู้สึกนึกคิด สร้างสรรค์ หรือพฤติกรรมต่างๆ ทำให้สามารถมี ส่วนร่วมกันของกิจกรรมดังกล่าว และทางคุณสิริกิติยา ทัศนวิสุทธิ์ ได้กล่าวถึง “คำกล่าวของ นพ.มนุญ ลีเชวงวงศ์” เพื่อให้ประชาชนและผู้ใช้รถใช้ถนนทั่วประเทศตระหนักถึงภัยอันตรายของการง่วงแล้วขับ เน้นการเตรียมความพร้อมในการป้องกันและแก้ไขอุบัติเหตุบนท้องถนนเกี่ยวกับ "ง่วงแล้วหลับใน " สร้างจิตใต้สำนึกและกระตุ้น ความปลอดภัยด้วยสติศักยภาพทางด้านสมาธิให้ผู้ใช้รถบนท้องถนนทั่วประเทศตั้งข้อสังเกต “ เมื่อมีอาการง่วงแล้วไม่ควรขับรถ ”
น.พ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ ประธานกรรมการทุนง่วงอย่าขับ ในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ มูลนิธิรามาธิบดี เปิดเผยถึงสถิติสำคัญของอุบัติเหตุรถยนต์อันมีสาเหตุมาจาก “ความง่วง” ภัยเงียบที่หลายๆ คน มิได้คำนึงถึง “เพราะอาการง่วงนั้นเกิดขึ้นได้กับทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลาช่วงบ่ายสองถึงสี่โมงเย็น และหลังเที่ยงคืนถึงเจ็ดโมงเช้า เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่คนเราได้ตื่นขึ้นมาทำกิจกรรมต่างๆ เป็นเวลาติดต่อกันนานหลายชั่วโมง จนร่างกายเริ่มมีอาการเหนื่อยล้าและง่วงนอน “ง่วง” แล้วหลับใน ตายได้ใน 4 วินาที!!! “ ถ้าเรากลับเผลอหลับในเพียงแค่ 4 วินาที ขณะที่ขับรถด้วยความเร็ว 90 กม./ชม. รถจะวิ่งออกไปได้ไกลถึง 100 เมตร โดยที่คนขับไม่รู้ตัวเลย ซึ่งภายในระยะทาง 100 เมตรนี้ รถอาจจะพุ่งเข้าชนอะไรก็ได้ และด้วย ความเร็ว 90 กม./ชม. ความรุนแรงของการพุ่งชนจะเทียบได้กับการตกตึกที่สูงถึง 10 ชั้น ” ยกตัวอย่างถึงอันตรายร้ายแรงของ “ความง่วง” อย่างเป็นรูปธรรมทั้งนี้ ประธานกรรมการทุนง่วงอย่าขับฯ ได้เผยถึงผลการศึกษาของมูลนิธิฯ ว่า
“ความง่วง เป็นสาเหตุสำคัญของ อุบัติเหตุการจราจรในเมืองไทย เพราะจากผลการศึกษาของมูลนิธิฯ ที่สอบถามจากผู้ขับรถหลากหลายประเภท พบว่า ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง จะต้องมีคนขับที่กำลังรู้สึกง่วงอยู่อย่างน้อยร้อยละ 50 โดยที่มีคนจำนวนมากถึงร้อยละ 28-53 เคยหลับใน และกล่าวขอขอบพระคุณการร่วมมือของหน่วยงานภาคเอกชน เสริมสร้างเป็นเครือข่าย ยุทธศาสตร์การมีส่วนร่วมรณรงค์กับหน่วยงานภาคเอกชน 1. บริษัท ไทยลอตเต้ จำกัด 2. สมาคมเครื่องดื่มชูกำลัง เพื่อพลังงาน 3. บริษัทไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน)4. บริษัท เบอร์แทรมเคมิคอล (1982) จำกัด 5. บริษัท บริดจสโตน เอ.ซี.ที (ประเทศไทย) จำกัด 6. บริษัท ไทยยินตัน จำกัด 7. บริษัท อินบิสโก้ (ประเทศไทย) จำกัด
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ
บริษัท ดิอายส์ดีท์ จำกัด
คุณนันทิยา รอดอยู่ , ประสานงานกิจกรรม : นางสาวกรอนงค์ วงศ์ศุภลักษณ์
Tel : 02-728-1732 ,02-728-7372 Fax : 02-728-0540