พี่ ๆ และคุณครูจากนานมีอยากให้น้องๆได้แสดงความรู้สึก แนวคิด และทัศนคติที่มีต่อชุมชน สังคมได้อย่างอิสระ เพื่อเป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้กับเพื่อนๆ และสร้างความตระหนักให้แก่ชุมชนและสังคมเองได้ย้อนกลับมาดูบทบาทของตนเองที่มีต่อเด็กๆ ผ่านงานศิลป์ที่เด็กๆได้สะท้อนความคิดและตัวตนของพวกเขาออกมา
ด.ญ.อภิรุจี พรหมดีราช น้องใบเตย อายุ 14 ปีจาก ร.ร.มาบตาพุดพันพิทยาคาร บอกว่า “วันนี้หนูสนุกมากค่ะ ได้เรียนรู้เทคนิคด้านศิลปะนำมาใช้ได้หลายแบบมากๆ หนูวาดเป็นรูปโลกแวดล้อมไปด้วยสีสันที่หลากหลาย เปรียบเสมือนที่มีคนในโลกมากมายสีสดใสแสดงถึงคนที่เป็นคนดี ปลูกต้นไม้ ช่วยโลก ไม่ทำร้ายโลกส่วนสีดำหรือสีเข้มเป็นตัวแทนคนไม่ดี ทำลายโลกด้วยการปล่อยน้ำเสียปล่อยควันเสีย ที่ผ่านมาในชุมชนของเราก็มีไปปลูกป่าชายเลนที่คลองชานหมาก และการทำปะการังเทียมเพื่อช่วยสัตว์ทะเล หนูอยากให้ทุกคนในโลกเป็นคนดี ช่วยกันคนละไม้ละมือที่จะทำให้โลกกลับมามีสีสวยอีกครั้งค่ะ”
ด.ญ.ศิริยาภรณ์ กันหาชน หรือน้องตู่ อายุ 13 จากร.ร.มาบตาพุดพันพิทยาคาร เล่าว่า “วันนี้ตื่นเต้นมาก ได้เจอเพื่อนๆและพี่ๆที่ชอบในการวาดรูปเหมือนกันทำให้สนุกมากค่ะ หนูใช้เทคนิคการจุด วงกลม และรอยขีดมาใช้ในผลงานค่ะ วันนี้หนูวาดเป็นรูปพระอาทิตย์ตรงกลาง เพราะดวงอาทิตย์เป็นต้นกำเนิดของทุกชีวิต รอบๆคือตัวแทนของสิ่งแวดล้อม สีเขียวคือต้นไม้เขียวขจี สีฟ้าคือแม่น้ำ สีครามคือท้องฟ้าสดใส สีส้มคือดินที่อุดมสมบูรณ์ อยากบอกว่าทุกชีวิตต้องอยู่ร่วมกัน เราจึงต้องช่วยกันรักษาธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เราต้องช่วยกันปลูกต้นไม้ ไม่ปล่อยน้ำเสีย ไม่ทำลายธรรมชาติ โรงงานต้องไม่เห็นแก่ตัวไม่ปล่อยควันพิษ เพื่อที่เราจะได้อยู่กันอย่างมีความสุขค่ะ”
ด.ญ.วิลาสิณี สอนภักดี อายุ 10 ขวบ จากโรงเรียนปลวกแดง บอกว่า “รูปของหนูเป็นรูปโลกยิ้ม เป็นโลกที่มีความสุข มีสีเขียวคือต้นไม้เยอะๆ อยากให้คนไทยช่วยรักษาโลกใบนี้ให้มีรอยยิ้มแบบนี้ เพราะหนูดูข่าว เห็นว่าทุกวันนี้อากาศร้อน น้ำท่วม ฝนตกหนัก เกิดพายุ อากาศแปรปรวนเหมือนโลกพยายามจะบอกว่าฉันไม่มีความสุขแล้วนะ คนที่อยู่ในโลกก็พลอยทุกข์ไปด้วย หนูอยากให้คนในโลกทุกคนช่วยกัน ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม ลดภาวะโลกร้อน ประหยัดพลังงาน เพื่อที่จะช่วยให้โลกยิ้มได้ และหนูก็เชื่อว่าคนไทยจะยิ้มได้ด้วยค่ะ”
เสียงสะท้อนจากจิตรกรตัวน้อย แม้เป็นเสียงเล็กๆ แต่เป็นเสียงเต็มเปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่นและตั้งใจอย่างเต็มที่ ซึ่งจะบอกคนรอบข้างทั้งพ่อแม่ ครอบครัว โรงเรียน ชุมชน และสังคม ให้ได้รับรู้ว่าวันนี้พวกเขาตื่นตัวเรื่องสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง คนโตๆในสังคมจึงน่าจะช่วยกันตระหนักถึงการรักษาสิ่งแวดล้อมเพื่อทำให้เสียงสะท้อนนี้กลายเป็นเสียงที่ยิ่งใหญ่และเข้มแข็งต่อไป