นายวิชัย รักศรีอักษร ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ได้กล่าวถึงวัตถุประสงค์ในการเข้าซื้อสโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ ซิตี้ ในครั้งนี้ ว่า “ความต้องการที่จะซื้อทีมฟุตบอลเป็นความตั้งใจของผมมานานแล้ว เพราะว่าผมมีความชื่นชอบในกีฬาฟุตบอลอยู่เป็นทุนเดิม รองลงมาจากกีฬาขี่ม้าโปโล ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าผมให้การสนับสนุนมาตลอด 15 ปี โดยต้องยอมรับว่าโปโลเป็นกีฬาที่ไม่ได้สร้างผลกำไรให้ แต่ผมก็ยังคงให้การสนับสนุน ด้วยเหตุผลคือ ผมทำด้วยใจรัก และผมได้ศึกษาเรื่องของทีมฟุตบอลอยู่นานพอสมควร จนได้มาลงตัวกับทางทีมเลสเตอร์ ซิตี้ และ มิลาน แมนดาริช ประธานสโมสรฯคนปัจจุบัน ซึ่งก็เป็นเหตุผลที่ผมได้เข้ามาร่วมทุนในครั้งนี้ ดังนั้นเรื่องของเม็ดเงินจึงไม่ใช่เรื่องสำคัญ”
“ด้วยทีมเลสเตอร์ ซิตี้ เอง ก็เป็นทีมที่มีความน่าสนใจ เพราะอยู่ในลีกระดับแชมเปียนชิพ และยังไม่ได้อยู่ในพรีเมียร์ลีก แต่ก็มีโอกาสที่จะขึ้นถึงระดับนั้นได้ ซึ่งเป็นความท้าทายอย่างหนึ่งที่จะผลักดันให้ทีมฟุตบอลเลสเตอร์ ซิตี้ มีความเข้มแข็งขึ้น และก้าวเข้าไปสู่ในระดับพรีเมียร์ลีก และยิ่งเห็นศูนย์ฝึกอบรม (Academy) ของทางสโมสรฯ ที่แข็งแกร่งมาก จึงไม่ลังเลที่จะตัดสินใจในการร่วมทุนครั้งนี้ เพราะทั้ง ผม และ มิลาน มีมุมมองตรงกันในเรื่องการสร้างเครือข่ายเชื่อมโยงศูนย์ฝึกอบรมนี้ไปยังประเทศไทย ซึ่งผมเห็นว่านักเตะไทยก็มีศักยภาพที่จะไปได้ไกล แต่บางครั้งอาจจะยังขาดแคลนคนฝึกสอนที่คอยแนะนำเทคนิคต่างๆ ในวิธีที่ถูกต้อง ดังนั้น การที่จะเอาการเล่นแบบมาตรฐานของทีมฟุตบอลระดับโลก มาใช้กับนักเตะไทย ก็นับว่าเป็นการเปิดโอกาสในการพัฒนาความรู้ และทักษะอย่างหนึ่งให้นักฟุตบอลไทยก้าวเข้าสู่ระดับสากลได้ และยังเป็นการสร้างชื่อเสียงที่ดีกับประเทศอีกด้วย”
“นอกจากนี้ เรายังสามารถขยายฐานแฟนคลับให้กับทีมเลสเตอร์ ซิตี้ ไปยังประเทศต่างๆ เพื่อเป็นการเสริมสร้างความแข็งแกร่ง และต่อยอดกีฬาฟุตบอลให้เติบโตไปได้ทั่วเอเชีย ด้วยการพัฒนาศูนย์ฝึกอบรมในประเทศไทย ให้เป็นศูนย์กลางของภูมิภาค อีกทั้งยังเป็นการเปิดโอกาสมากขึ้นสำหรับนักเตะเยาวชนไทย ซึ่งผมเชื่อว่าฝันของคนไทยจะก้าวขึ้นไปสู่ระดับที่สูงขึ้น และฝันก็จะเป็นจริงได้” นายวิชัย กล่าวเพิ่มเติม สำหรับ นายอัยยวัฒน์ รักศรีอักษร ที่เข้ารับตำแหน่ง กรรมการบริหารของ สโมสรฟุตบอล เลสเตอร์ ซิตี้ เมื่อเร็วๆนี้ ได้เล่าถึงมุมมองและบทบาทในการเข้ามาบริหารทีมฟุตบอลว่า “ผมชื่นชอบกีฬาฟุตบอลอยู่แล้ว ยิ่งมีโอกาสได้ติดตามประวัติศาสตร์อันยาวนาน และผลงานของสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ ผสมกับความแข็งแกร่งของทีมเลสเตอร์ ซิตี้ ทางด้านศูนย์ฝึกอบรมที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศอังกฤษ ทำให้ผมมองว่าเป็นโอกาสที่ดี ที่เราจะศูนย์ฝึกอบรมของสโมสรฯ มาพัฒนานักเตะไทยได้ ซึ่งตอนนี้เราก็กำลังมองหาที่ดินประมาณ 10-20 ไร่ ในการสร้างศูนย์ฝึกอบรมนี้ขึ้น และวางแผนไว้ว่าเราจะส่งคนจากสโมสรฟุตบอล เลสเตอร์ ซิตี้ มาฝึกกับนักเตะไทยที่นี่ และยังจะพัฒนาให้ที่นี่กลายเป็นศูนย์กลางของศูนย์ฝึกอบรมลูกหนังแห่งเอเชียอีกด้วย”
“หลายคนอาจจะติดภาพของผมว่าเป็นนักกีฬาขี่ม้าโปโล จึงไม่แปลกที่จะมีคนสงสัยว่าบทบาทในสโมสรลูกหนัง เลสเตอร์ ซิตี้ ของผมจะเป็นรูปแบบไหน ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าแตกต่างกัน เพราะการเข้าร่วมสโมสรฯ ครั้งนี้ ผมจะดูแลในเรื่องการบริหาร โดยต้องรับผิดชอบทั้งหมด ซึ่งทางมิลาน แมนดาริช ก็ให้อำนาจในการตัดสินใจ แต่ก็ยังต้องศึกษากันอีก เพราะว่าผมก็ค่อนข้างจะใหม่กับบทบาทนี้ แต่ก็อยากจะทำออกมาให้ดีที่สุด มิลานเองก็เหมือนพี่เลี้ยงที่คอยถ่ายทอดวิชาให้ และยังมีทีมงานที่ช่วยสนับสนุนอีก ซึ่งตอนนี้เราได้ตั้งเป้าหมายไว้ว่า เราอยากจะพาทีมขึ้นสู่พรีเมียร์ลีก ซึ่งทางมิลานเห็นความมุ่งมั่น และการสนับสนุนของเราตรงนี้ จึงยอมให้เราเข้ามาร่วมถือหุ้นในครั้งนี้ และเราก็ไม่ได้มาเปลี่ยนอะไรของทางสโมสร ไม่ว่าจะเป็นตัวผู้เล่น หรือว่าจะเป็นผู้บริหารซึ่งก็ยังจะเป็น มิลาน แมนดาริช ดำรงตำแหน่งเป็นประธานสโมสรฯดังเดิม” นายอัยยวัฒน์ เสริม
ทั้งนี้ นายวิชัย และนายอัยยวัฒน์ รักศรีอักษร ยังปิดท้ายด้วยความตั้งใจจริงของทั้งคู่ด้วยว่า ในการร่วมทุนกับสโมสร เลสเตอร์ ซิตี้ในครั้งนี้ อยากให้คนไทยที่ให้ความนิยมในเกมส์การแข่งขันฟุตบอลอยู่แล้ว หันมาช่วยผลักดันและส่งเสริมให้ทีมฟุตบอลเลสเตอร์ ซิตี้ เป็นอีกหนึ่งทีมที่คนไทยให้การสนับสนุน รวมถึงนักเตะของไทยด้วย เพราะหวังเป็นอย่างยิ่งว่าศูนย์ฝึกอบรมของสโมสรฯ จะช่วยทำให้วงการฟุตบอลของไทยก้าวไปได้ไกลในอนาคต
ข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ
พัณณิตา จันทร์รัตนกุล
ธนัสกรณ์สรณ์ ยุทธนาภูมิ
โอบเอื้อ ชิโนสุทรากร
บริษัท แบรนด์เด็ด ดิ เอเจนซี่ จำกัด
โทร 0-2650-9090
แฟกซ์ 0-2650-9260