ครึ่งปีแรก 2553 บริษัทจดทะเบียนกำไรรวม เกือบ 3 แสนล้านบาท

พฤหัส ๑๙ สิงหาคม ๒๐๑๐ ๑๗:๑๖
บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ และตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ทำกำไรงวด 6 เดือนแรก ปี 2553 รวม 292,981 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 34 % จากงวดเดียวกันของปีก่อน และมียอดขายรวม 3,618,414 ล้านบาท กลุ่มอุตสาหกรรม 3 อันดับแรกที่มีกำไรสูงสุด คือ กลุ่มทรัพยากร กลุ่มธุรกิจการเงิน และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง โดยมี PTT PTTEP SCC BBL และ SCB เป็นบริษัทจดทะเบียนที่มีกำไรสุทธิสูงสุด 5 อันดับแรก

นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ (SET) และตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) จำนวน 534 บริษัท หรือ 94%ของบริษัทจดทะเบียนทั้งหมด 566 บริษัท (รวมกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ 27 กองทุน) ได้ส่งงบการเงินงวดสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2553 แล้ว โดยมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นทุกกลุ่มอุตสาหกรรม รวมกำไรสุทธิงวด 6 เดือน จำนวน 292,981 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนซึ่งมีกำไรรวม 218,240 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 34% ขณะที่ผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 2 ปี 2553 บริษัทจดทะเบียนมีกำไรสุทธิรวม 129,666 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1% จากงวดเดียวกันของปีก่อน

สำหรับบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ (SET) ที่ส่งงบการเงินงวด 6 เดือนของปี 2553 จำนวน 472 บริษัท (จากทั้งหมด 503 บริษัท รวมกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ 27 กองทุน) มีกำไรสุทธิรวม 291,745 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 34% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักมาจากยอดขายที่เพิ่มขึ้น โดยมียอดขายรวม 3,591,978 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24% และมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน โดยผลประกอบการของบริษัทใน 3 กลุ่มอุตสาหกรรมที่มีกำไรสูงสุด ได้แก่ กลุ่มทรัพยากร กลุ่มธุรกิจการเงิน และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง ที่มีกำไรสุทธิ 90,531 ล้านบาท 61,887 ล้านบาท และ 39,769 ล้านบาทตามลำดับ

"ผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียน ในตลาดหลักทรัพย์ฯ และตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ช่วงครึ่งปีแรกของปี 2553 มีกำไรสุทธิเติบโตขึ้นอย่างชัดเจนถึง 34% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนเป็นผลจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นถึง 24% แสดงถึงการเติบโตของภาคธุรกิจที่ขยายตัวสอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจโดยรวมที่มีการขยายตัวเพิ่มขึ้น และกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนที่เพิ่มขึ้นด้วย " นายจรัมพรกล่าว

ส่วนบริษัทในกลุ่ม SET100 มีกำไรสุทธิงวด 6 เดือน 248,842 ล้านบาท คิดเป็น 85% ของกำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียนรวม เพิ่มขึ้น 26% จากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยมียอดขายเพิ่มขึ้น 25% และกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มขึ้น 85% และมีภาระดอกเบี้ยจ่ายลดลง 5% ในขณะที่ต้นทุนขายเพิ่มขึ้น 28% ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นลดลงเล็กน้อยจาก 20% เป็น 18 %

สำหรับบริษัทจดทะเบียนมีกำไรสุทธิสูงสุด 5 อันดับแรก คือ บมจ. ปตท. (PTT) บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) บมจ. ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) บมจ. ธนาคารกรุงเทพ (BBL) และ บมจ.ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB)

ทั้งนี้ ภาพรวมของผลการดำเนินงานบริษัทจดทะเบียน 8 กลุ่มอุตสาหกรรม (Industry Group) (ที่นำส่งงบการเงินและไม่รวมบริษัทในกลุ่ม NC และ NPG) งวด 6 เดือน สิ้นสุด 30 มิ.ย.2553 จำนวนรวม 449 บริษัท มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นทุกกลุ่ม รวม 290,126 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 34% โดยผลการดำเนินงาน เรียงลำดับตามกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีกำไรสุทธิสูงสุด ดังนี้

1. กลุ่มทรัพยากร ประกอบด้วย หมวดพลังงานและสาธารณูปโภค และหมวดเหมืองแร่ มีกำไรสุทธิ 90,531 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% จากงวดเดียวกันของปีก่อน

2.กลุ่มธุรกิจการเงิน ประกอบด้วย หมวดธนาคาร หมวดเงินทุนและหลักทรัพย์ และหมวดประกันภัยและประกันชีวิต มีกำไรสุทธิรวม 61,887 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29% จากปีก่อน โดยธนาคารพาณิชย์ 12 แห่ง มีกำไรสุทธิรวม 54,945 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27 % จากงวดเดียวกันของปีก่อน ส่วนบริษัทในหมวดธุรกิจหลักทรัพย์ มีกำไรสุทธิรวม 968 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 303 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้น 46 %

3. กลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง ประกอบด้วยหมวดพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ หมวดวัสดุก่อสร้าง และกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ มีกำไรสุทธิ 39,769 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39% จากงวดเดียวกันของปีก่อน

4. กลุ่มบริการ ประกอบด้วย หมวดขนส่งและโลจิสติกส์ หมวดพาณิชย์ หมวดการแพทย์ หมวดสื่อและสิ่งพิมพ์ หมวดการท่องเที่ยวและสันทนาการ และหมวดบริการเฉพาะกิจ มีกำไรสุทธิ 30,345 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 66% จากงวดเดียวกันของปีก่อนโดยหมวดขนส่งและโลจิสติกส์มีสัดส่วนของกำไรสุทธิคิดเป็น 48% ของกลุ่ม มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 95%

5. กลุ่มเทคโนโลยี ประกอบด้วยหมวดเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และหมวดชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ มีกำไรสุทธิ 24,522 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ หมวดเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารมีกำไรสุทธิคิดเป็น 77% ของกลุ่ม โดยมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 18%

6. กลุ่มวัตถุดิบสินค้าอุตสาหกรรม ประกอบด้วย หมวดวัสดุอุตสาหกรรมและเครื่องจักร หมวดยานยนต์ หมวดปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ หมวดบรรจุภัณฑ์ และ หมวดกระดาษและวัสดุการพิมพ์ มีกำไรสุทธิ 19,803 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 570 ล้านบาท สาเหตุหลักจากหมวดวัสดุอุตสาหกรรมและเครื่องจักรมีกำไรเพิ่มขึ้น 148% ผลมาจากเศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นตัวและราคาเหล็กปรับตัวสูงขึ้น

7. กลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร ประกอบด้วย หมวดอาหารและเครื่องดื่ม และหมวดธุรกิจการเกษตรมีกำไรสุทธิ 18,094 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 49% จากงวดเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากยอดขายที่เติบโตขึ้น 21% ประกอบกับมีค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยลดลงร้อยละ 13 และมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มขึ้น 675%

8. กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค ประกอบด้วย หมวดแฟชั่น หมวดของใช้ในครัวเรือนและสำนักงาน หมวดของใช้ส่วนตัวและเวชภัณฑ์ มีกำไรสุทธิ 5,175 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 93% สาเหตุหลักจากผลประกอบการที่เพิ่มขึ้นของหมวดแฟชั่นที่มีกำไรสุทธิรวม 4,157 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 157% จากงวดเดียวกันของปีก่อน

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. S-E-T Call Center 0-2229-2222

ติดต่อส่วนประชาสัมพันธ์ ฝ่ายสื่อสารองค์กร ลดาวัลย์ กันทวงศ์ โทร. 0-2229—2036 /

กนกวรรณ เข็มมาลัย โทร. 0-2229—2048 / ณัฐยา เมืองแมน โทร. 0-2229-2043

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๒ พ.ย. รีเลชั่นชิพรีพับบลิค แนะกลยุทธ์สำคัญ นำพาธุรกิจร้านอาหารสู่ความสำเร็จ มัดใจลูกค้าให้อยู่หมัด
๒๒ พ.ย. ชมนวัตกรรมสุดล้ำในงาน METALEX 2024 หลายแบรนด์แกะกล่องเครื่องจักรครั้งแรกในงานนี้
๒๒ พ.ย. Bangkok Illustration Fair 2024 สู่การเติบโตก้าวใหญ่ในปีที่ 4
๒๒ พ.ย. ผลการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลโดย IMD ประจำปี 2567 TMA เผยไทยครองอันดับ 37 ในการจัดอันดับด้านดิจิทัลปีนี้
๒๒ พ.ย. โก โฮลเซลล์ จัดเต็มสินค้า ส่งสุข สุดอร่อย เฉลิมฉลองเทศกาลส่งท้ายปี เข้มกระเช้าปีใหม่ดีมีมาตรฐาน พร้อมชู อาหารแช่แข็ง-อาหารสด
๒๒ พ.ย. กทม. จับมือสถานทูตเนเธอร์แลนด์ ประจำประเทศไทย จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ ACTIVE Workshop เมืองเดินเท้า และจักรยานสัญจร ครั้งที่
๒๒ พ.ย. สัมผัสความหรูหราของวิลล่าริมทะเล VEYLA NATAI RESIDENCES ผ่านประสบการณ์เหนือระดับในงาน SOUL of VEYLA
๒๒ พ.ย. 'แอสเซทไวส์' จับมือ 'สยามกีฬา' เปิดศึกลูกหนังยุวชนทัวร์นาเมนต์ใหญ่แห่งปี AssetWise Siamkeela Cup 2024-25 ต่อเนื่องเป็นปีที่
๒๒ พ.ย. โรงแรมเรเนซองส์ เปิดตัว R FINDS แพลตฟอร์มดิจิทัลระดับโลก ที่จะเชื่อมมนต์เสน่ห์ชุมชนท้องถิ่นสู่นักเดินทางทั่วโลก
๒๒ พ.ย. electric.neon.lamp หยิบเพลงฮิต แม้ ใส่ฟีลดนตรีเหงาปนเศร้าในแบบ Piano Version