เริ่มต้นสมบัติชิ้นแรกกับวาระเฉลิมฉลองครบรอบ 40 ปีอย่างยิ่งใหญ่ของนาฬิกาควอซต์เรือนแรกของโลก ด้วยการอวดโฉมทายาทหน้าตาดี ตำนานปฐมบทของเรือนเวลาควอตซ์อย่าง The SEIKO Quartz “Astron 40th Anniversary Commemorative Edition” ที่มาพร้อมกับความเที่ยงตรงสูงถึง ?10 วินาที/ ปี และถึงแม้จะมีเข็มที่ทั้งยาวและใหญ่กว่านาฬิการะบบควอซต์ทั่วไป ก็ไม่ทำให้การขับเคลื่อนของเวลาเสียสมดุลเลยสักนิด เรียกได้ว่าไซโกลงทุนผลิตเครื่องใหม่ Cal. 9F62 ที่แข็งแรงแม่นยำและไฉไลกว่าควอซต์ทุกรุ่นที่เคยมีมาแถมยังเจ๋งสุดๆ พร้อมการอ่านเวลาได้ชัดเจนขึ้นด้วยเข็มวินาทีที่ชี้ตรงขีดแสดงวินาที (Marker) แบบเป๊ะๆ ไม่ขาดไม่เกิน โดยนำเอาเทคโนโลยีของนาฬิกาจักรกลกับนาฬิกาควอซต์ที่สั่งสมมานานมาผสานเข้าด้วยกัน จนได้สุดยอดของสุดยอดนาฬิกา “Astron” เรือนนี้อีกด้วย
ส่วนผลึกควอซต์ที่นำมาใช้นั้นก็เป็นผลึกควอซต์คัดเกรดท๊อปคลาส ถ้าเปรียบกับเพชรที่มีหลายเกรดก็คงเทียบได้กับเพชรเม็ดงามน้ำดีที่สุดนั่นเอง ซึ่งผลึกควอซต์ตัวนี้เมื่อผ่านกระแสไฟฟ้เข้าไปแล้วจะมีความถี่สูงมากเกินจะบรรยาย ผ่าน IC ปรับความคงที่จนทำให้เป็นนาฬิกามีความเที่ยงตรงสูงสุดยังไงล่ะ ที่สุดยอดอีกอย่างก็คือมีตัวกันสนามแม่เหล็ก(Magnetic resistance) ด้วยนะ ซึ่งถ้าเป็นนาฬิกาทั่วไปเมื่ออยู่ใกล้สนามแม่เหล็กก็อาจจะทำให้นาฬิกานั้นเดินช้าหรือเดินเร็วเกินไปก็ได้ ขอยกตัวอย่างเช่น หากคุณใส่นาฬิกามือซ้ายแล้วคุณใช้โทรศัพท์มือถือหรือไดร์เป่าผมมือซ้ายล่ะก็ รับรองว่านาฬิกาที่คุณใส่อยู่นั้นกำลังได้รับคลื่นแม่เหล็กรบกวนอย่างแน่นอน
และอีกสุดหนึ่งที่น่าทึ่งก็คงจะเป็นเรื่องของ Battery life indicator ที่ยาวนานถึง 3 ปี ซึ่งไซโกได้ใช้แบตเตอรี่รักษ์โลกแบบ Mercury Free ที่ปลอดจากสารปรอทเป็นพิษที่ทำร้ายมนุษย์และสิ่งแวดล้อมด้วยนะ และเมื่อถึงคราวที่แบตเตอรี่ใกล้จะหมดพลังนั้น เข็มวินาทีจะกระโดดเด้งไปครั้งละ 2 วินาที โดยใช้เวลาควบไป 2 วินาทีเท่าเวลาปกติ เพื่อเป็นสัญญาณเตือนว่าแบตเตอรี่ใกล้จะหมดแล้วนะจ๊ะ แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้นาฬิกามีความเที่ยงตรงลดลงเลยสักกะติ๊ดเดียว...แน่ไหมล่ะ?
นอกจากนี้ระบบการเปลี่ยนวันที่บนนาฬิกานั้นยังมีความไวยิ่งกว่ากระพริบตาเสียอีก เพราะใช้เวลาในการเปลี่ยนวันที่บนหน้าปัดเพียง 1/2000 วินาที และต่อให้คุณมีสายตาเฉียบคมขนาดไหน ก็ไม่สามารถจับการเปลี่ยนตัวเลขวันที่นี้ได้เลย ส่วนตัวเรือนนี่ก็ใช่ย่อยเพราะผลิตจากไบรท์ไททาเนี่ยมชั้นเลิศ คุณภาพเกินหน้าเกินตากว่าไททาเนี่ยมทั่วไป ซึ่งมีความเงางามคงทน แถมยังมีน้ำหนักเบากว่าอีกด้วย แค่นั้นยังไม่พอไซโกยังใช้ดีไซน์ฝาหลังปิดตัวเครื่องอย่างมิดชิดแบบซุปเปอร์ซีลเพื่อปกปักรักษาเครื่องภายในอย่างทะนุถนอมอีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นสุดยอดความประณีตที่สมบูรณ์ที่สุดของไซโกก็ว่าได้ ทำให้นาฬิกาดูเพียวบางน่าสนใจจริงๆ เนื่องจากคัดสรรมาจาก 40 ดีไซน์ที่ทีมดีไซเนอร์ของไซโก แข่งกันออกแบบมาเชียวแหละ และทั้งหมดที่สาธยายมานี้ มาพร้อมกับความเอ็กซ์คลูซีฟผลิตเพียง 200 เรือนทั่วโลก ซึ่งได้โควต้านำเข้าไทยเพียง 5 เรือนเท่านั้น เป็นสุดยอด “Limited of Limiteds” เลยทีเดียว!
The Limited Edition Sportura Automatic Chronograph The skeleton-style dial echoes the design of a sports car wheel.
ต่อด้วยสมบัติชิ้นที่สอง ซึ่งแค่เพียงหยิบออกมาจากกล่องก็สัมผัสได้ถึงความแรงเต็มพิกัด ของสปอร์ตวอทช์ที่พร้อมให้คุณลุยอย่างหรู กับ The Limited Edition Sportura Automatic Chronograph สุดยอดสปีดเร้าใจเต็มสมรรถนะของนาฬิกาดีไซน์ยนตรกรรม ให้คุณรู้สึกเสมือนกำลังขับเคลื่อนเต็มพิกัดบนสนามประลองความเร็ว มาพร้อมกับตัวเครื่อง 8R28 ซึ่งเป็นระบบออโตเมติกครั้งแรกของเรือนเวลาคอลเล็คชั่นนี้ ที่ส่วนใหญ่จะมาในรูปแบบของระบบคิเนติกและระบบควอซต์เท่านั้น นอกจากนี้ยังมีสุดยอดฟังก์ชั่นล้ำเทรนด์อย่างโครโนกราฟ ซึ่งได้รับการยอมรับว่าเป็นออโตเมติก โครโนกราฟที่มีความแม่นยำมากที่สุดในโลกซะด้วย ที่บอกว่าแม่นยำสุดยอดนั้นก็เห็นได้จากตัว Column wheel and a vertical clutch ซึ่งเป็นดีไซน์ระบบจับเวลาที่ลงตัวที่สุดไม่ให้ขาด-เกินยังไงล่ะ แน่นอนว่าคุณจะได้การจับเวลาที่เที่ยงตรงที่สุด
นอกจากนี้เมื่อการจับเวลาสิ้นสุด แล้วคุณต้องการจะเคลียร์เวลาให้ไปที่ตำแหน่งเริ่มต้นนั้น เจ้า Sportura ตัวนี้ก็ยังมีตัว one-piece three-pointed hammer ภายในที่ทำให้เข็มทั้ง 3 เข็ม ทั้งเข็มชั่วโมง เข็มนาที และเข็มวินาที กลับไปที่ตำแหน่งเริ่มต้นพร้อมกันตู้ม! เดียว แค่เพียงกดตรงตำแหน่งเคลียร์การจับเวลาแค่ปลายนิ้วเเท่านั้น ซึ่งแตกต่างจากนาฬิกาจับเวลาทั่วไป แค่นั้นยังไม่พอเพราะเจ้า Sportura Limited Edition 2010 นี้ ยังพ่วงความพิเศษแบบล้วงลึกให้เห็นวันที่กันอย่างจะจะ ไม่มีหมกเม็ด กับ date calendar ring ที่สามารถมองลอดผ่านกระจกแซฟไฟร์ได้อีกด้วย แถมยังออกตัวแรงแซงโค้งตั้งแต่ยังไม่ทันออกสตาร์ท ด้วยยอดจองสูงปรี๊ดกว่า 3 เท่าตัว ของปริมาณการผลิตเพียง 1,000 เรือนทั่วโลก แต่ได้โควต้านำเข้ามาในไทยเพียง 21 เรือนเท่านั้น งานนี้แฟน Sportura ตัวจริงต้องใช้ความเร็วช่วงชิงความแรงกันซะแล้ววว.....
ตามติดมาด้วยสมบัติชิ้นสามและสี่ ที่มีนามสมบัติว่า “Criteria Limited Edition 2010”
สปอร์ตวอทช์ยอดฮิตแห่งเอเชีย ซึ่งไม่ได้มาแบบเดี่ยวไมโครโฟน แต่มาแบบแพ็คคู่ทั้งชายและหญิง การันตีด้วยรูปสมบัติหล่อ-สวยเต็มสูบ ที่ช่วยเร่งทะยานความสมาร์ทอินเทรนด์ ด้วยการนำดีไซน์แห่งยานยนต์มาป็นแรงขับเคลื่อนความเร้าใจ ให้คุณโฉบเฉี่ยวในทุกการเดินทาง เอ๊ย! ในทุกสไตล์ ไม่ว่าจะใส่ทำงานหรือใส่เที่ยว พร้อมระบบจับเวลากับฟังก์ชั่นโครโนกราฟ ทั้ง Criteria Gent (ไครทีเรีย สุภาพบุรุษ) และ Criteria Lady (ไครทีเรีย สุภาพสตรี) ที่มีจำนวนจำกัดแบบลิมิตเต็ด เอ็กซ์คลูซีฟสุดๆ กับสัญลักษณ์ Limited Edition และการแสดงหมายเลขประจำตัวเครื่องบนฝาหลัง ที่ทำให้หนุ่มหล่อสาวสวยคู่นี้กลายเป็นคู่รักที่น่าจับตามองที่สุดในขณะนี้
พ่วงความแรงอีกนิด ด้วยสมบัติชิ้นที่ห้า กับ The 2010 Velatura Collection 2010 ที่แค่ฟังชื่อก็ต้องมีหลายคนที่ร้อง “อ๋อ” เพราะเจ้า Velatura ผู้เพียบพร้อมไปด้วยฟังชั่นจับเวลาสำหรับการแข่งขันเรือใบนี้ ได้พกดีกรีความสปอร์ตมาปะทะต้องตา จนได้รับการยอมรับให้เป็นสปอร์ตวอทช์ “จ้าวแห่งมหาสมุทร” ที่ใช้ในการแข่งขันเรือใบระดับโอลิมปิกอย่าง “The International 49er Class Association” มาตั้งแต่ปี 2007 เชียวนะ ซึ่งแน่นอนว่าจ้าวแห่งมหาสมุทรอย่าง “Velatura” จะช่วยเพิ่มดีกรีให้กับมหาสมุทรแอตแลนติก บนเกาะบาฮามาสจนร้อนระอุอย่างแน่นอน และในปีนี้ The 2010 Velatura Collection สปอร์ตวอร์ทช์ผู้ท้าทายสายน้ำ ได้มาพร้อมกับรูปลักษณ์โฉบเฉี่ยวในลุคสมาร์ท — สปอร์ต ที่พ่วงคุณสมบัติสุดทันสมัยอย่าง “Kinetic Direct Drive” (คิเนติก ไดเร็ค ไดรฟ์) สำหรับคนคันมือที่อยากจะขึ้นลานนาฬิกาด้วยตนเอง แถมยังมีฟังก์ชั่น “The Velatura 49er class Chronograph” ที่ไซโกได้พัฒนาเป็นพิเศษเพื่อเฉลิมฉลองการผนึกกำลังเป็นทางการระหว่างจ้าวแห่งมหาสมุทรอย่าง “Velatura” กับจ้าวฉลามแล่นใบอย่าง “The 49 er” ซึ่งพระเอกตัวจริงแห่งมหาสมุทรเรือนนี้มีโควต้านำเข้ามาในไทยในจำนวนจำกัดเท่านั้นนะ
เอาใจสาวๆ ด้วยสมบัติชิ้นที่หก กับความลิมิตเต็ดที่ไม่ได้แค่สวยเบาๆ แต่มาแบบสวยใหญ่ กับนาฬิกาคอลเล็คชั่นโด่งดังของสาวญี่ปุ่น ในนาม “ Lukia” ซึ่งได้ขึ้นชื่อว่าเป็นนาฬิกาอินเทรนด์สำหรับสาวทันสมัย ที่สดใส โดนใจเหล่าเจแปนนีสต้ามาตลอดระยะเวลา 15 ปี ซึ่งปีนี้ก็ถือเป็นฤกษ์ดีที่ไซโกไทยแลนด์แดนสาวสวยจะนำเรือนเวลาฉลองครบรอบ 15 ปี มาให้สาวๆ ได้สนุกกับการเปลี่ยนลุคตัวเองให้กลายเป็น J-Generation กับเขาบ้าง ด้วย Lukia 15th Anniversary Limited Edition นาฬิกาหวานๆ ที่ซ่อนความหรูหรากับประกายกลิตเตอร์ระยิบระยับสะท้อนลำแสงแห่งความอ่อนช้อยแทนตัวเลขบนหน้าปัด ที่มีเพียง 30 เรือนในไทย แถมยังเพิ่มความน่ารักน่าหยิกด้วยริบบิ้นโบว์สีชมพูสด บนกล่องพรีเมี่ยมพิเศษที่มีเฉพาะ Lukia 15th Anniversary Limited Edition นี้เท่านั้น ทั้ง “สวย” และมาแบบ “ยิ่งใหญ่” ขนาดนี้ เหล่า J-Pop รีบคว้าด่วน!
ปิดท้ายด้วยสมบัติชิ้นที่เจ็ด กับ Prospex “Field Master” โดเมสติกโมเดลที่มีขายเฉพาะในญี่ปุ่น แต่ไซโกไทยแลนด์ก็ได้ช่วงชิงนำเข้ามาแบบเท่ๆ เพียง 10 เรือน จาก 300 เรือนทั่วโลก เพื่อให้หนุ่มสปอร์ตผู้คลั่งไคล้ความท้าทายแบบแอดเวนเจอร์ได้ภูมิใจสุดๆ กับการได้เป็นเจ้าของ Prospex “Field Master” ที่เอ็กคลูซีฟเรือนนี้
และไม่ว่าจะมองมุมไหนก็สัมผัสได้ถึงพลังความหล่อล่ำของตัวเรือนที่ได้แรงบันดาลใจมาจากการเดินป่า ซึ่งไม่ได้หล่อแค่รูป แต่ยังพกความเท่มาเต็มกระเป๋า เพราะเจ้าบึกบึนผู้นี้ชอบการท่องเที่ยวผจญภัยแบบสมบุกสมบัน สะเทิ้นน้ำ สะเทิ้นบก ตะลุยป่าฝ่าดงแบบไม่ต้องกลัวว่าจะหลงเสียด้วย นั่นเป็นเพราะขอบหน้าปัดของเจ้าบึกบึนสามารถแสดงทิศทางทั้งเหนือ ใต้ ออก ตก อย่างแม่นยำ และยังมาพร้อมกับความแข็งแกร่งทนทานสมชื่อกับตัวเรือนสแตนเลสสตีลเคลือบ Black IP coating แค่นั้นยังไม่พอเจ้า“Field Master” ยังพกความสนุกสุดมันที่ให้คุณสามารถขึ้นลานได้ด้วยตนเองหรือจะเขย่าเพื่อสะสมพลังงานในแบบออโตเมติกก็ได้ เรียกได้ว่าเป็นแอดเวนเจอร์วอทช์ตัวพ่อแห่งวงการนาฬิกาเลยทีเดียว
บรรยายสรรพคุณของสมบัติ 7 ประจัญบานของไซโก มาก็เยอะแล้ว แต่ไม่ว่าจะสาธยายซะยาวขนาดไหนก็ไม่เท่าได้เห็นตัวจริงและจับจองสุดยอด Limited of Limteds ของ “ไซโก” ในงานCENTRAL INTERNATIONAL WATCH FAIR 2010 ในวันที่ 9 กันยายน — 6 ตุลาคม นี้หรอกนะ...จะบอกให้
ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม:
บริษัท ไซโก (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท พีอาร์ โฟกัส จำกัด
กมลรัตน์ ทิพย์โอสถ (แนท) ประภาส จรสรัมย์
อัปสร รอดภัย (กิ๊ฟ) นิตยา เจนศิริทวีทรัพย์
Tel: 02-255-1245 ต่อ 504, 512 Tel: , 02-654-551-2