นายณรงค์ เตชะไชยวงศ์ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ วิศวการ จำกัด (มหาชน) หรือ IFEC เปิดเผยว่า หลังจากที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติแต่งตั้งนายมาริศวน์ ท่าราบ เข้ารับตำแหน่งกรรมการและกรรมการบริหารของบริษัทฯ ตั้งแต่วันที่ 9 สิงหาคมที่ผ่านมานั้น ล่าสุด คณะกรรมการได้มอบหมายให้นายมาริศวน์ ช่วยดูแลธุรกิจพลังงานทดแทน ซึ่งเป็นธุรกิจใหม่ที่บริษัทฯ ได้เริ่มต้น และกำลังอยู่ในช่วงของการขยายงาน โดยมั่นใจว่า จากประสบการณ์ที่ผ่านมาของนายมาริศวน์ จะช่วยสนับสนุนธุรกิจของบริษัทฯ ได้เป็นอย่างดี
“หลังจากเราเปิดตัวว่าเข้าไปถือหุ้นบริษัทที่ทำธุรกิจด้านพลังงานแสงอาทิตย์ ก็มีการติดต่อจากบริษัทฯ และบุคคลที่ทำธุรกิจพลังงานทดแทนเข้ามาที่เราจำนวนมาก เรามั่นใจว่าเป็นธุรกิจที่มีอนาคต รวมทั้งมั่นใจในความสามารถของคุณมาริศวน์ ที่จะสร้างการเติบโตให้กับบริษัท อันจะเป็นประโยชน์กับผู้ถือหุ้นด้วย” นายณรงค์กล่าว
ขณะที่นายมาริศวน์ ท่าราบ กรรมการและกรรมการบริหาร บริษัท อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ วิศวการ จำกัด (มหาชน) หรือ IFEC กล่าวว่า ที่ผ่านมามีความสนใจธุรกิจพลังงานทดแทนเป็นการส่วนตัวอยู่แล้ว และได้ศึกษาเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวมาเป็นระยะเวลาพอสมควร จนกระทั่งเมื่อได้หารือกับผู้บริหาร IFEC ก็พบว่ามีแนวคิดด้านธุรกิจพลังงานทดแทนที่ใกล้เคียงกัน ทำให้ตัดสินใจเข้ามารับดูแลธุรกิจดังกล่าวให้กับทาง IFEC
“ถ้าถามว่าเป็นความท้าทายหรือไม่ เพราะผมมาจากแวดวงด้านการเงินการลงทุน ก็ต้องบอกว่า จริงๆ แล้วธุรกิจพลังงานทดแทน เป็นความท้าทายของประเทศไทย เพราะขณะนี้หลายๆ ประเทศต่างก็รุกหนักในเรื่องนี้ เช่น ประเทศในแถบยุโรป มีเป้าหมายที่จะให้พลังงานทดแทนมีอัตราส่วนถึงประมาณ 20% ของพลังงานที่ใช้ใน 10-20 ปีข้างหน้า ขณะที่ประเทศไทยยังมีจำนวนไม่มาก และเราจะเห็นแนวโน้มของธุรกิจพลังงานทดแทนในเมืองไทยมากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้น กรณีนี้จึงเป็นความท้าทายของตัวเอง ของบริษัทฯ แล้วก็ของประเทศไทยด้วย” นายมาริศน์กล่าว
กรรมการและกรรมการบริหาร IFEC กล่าวด้วยว่า สำหรับศักยภาพของ IFEC นั้น เมื่อพิจารณาจากฐานะการเงิน ภายใต้ทุนจดทะเบียนกว่า 400 ล้านบาท และอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนที่ต่ำเพียง 0.5 เท่า ขณะที่อัตราการเติบโตของกำไรเป็นไปอย่างสม่ำเสมอ ก็เชื่อว่าจะสามารถรองรับการขยายไปสู่ธุรกิจพลังงานทดแทนได้เป็นอย่างดี ซึ่งต้องยอมรับว่า ธุรกิจพลังงานทดแทนเป็นธุรกิจที่น่าสนใจอย่างมาก โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาในแง่ของผลตอบแทนจากการลงทุน (IRR) ที่สูงถึง 12-18% ซึ่งเป็นระดับที่สูงมาก
ขณะเดียวกัน IFEC ยังมีจุดได้เปรียบด้วยการมีพันธมิตรไต้หวัน โดยได้เข้าลงทุนในบริษัท อินฟินิท กรีน จำกัด ซึ่งดำเนินธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังแสงอาทิตย์ ด้วยการซื้อหุ้นในบริษัทดังกล่าว จากบริษัท ท๊อป กรีน เอนเนอยี่ เทคโนโลยี จำกัด ประเทศไต้หวัน จำนวน 2.499 ล้านหุ้น ในราคาตามมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท รวมเป็นมูลค่า 24.99 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนการถือหุ้น 17% ของทุนจดทะเบียนและทุนชำระแล้วของบริษัท อินฟินิท กรีน จำกัด โดยคาดว่าการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์จะแล้วเสร็จและขายไฟฟ้าได้ภายในปีนี้ ซึ่งนอกจาก IFEC จะได้รับเทคโนโลยีจากผู้เชี่ยวชาญโดยเฉพาะแล้ว ยังสามารถจัดหาวัตถุดิบ เช่น แผงโซลาร์เซลส์ และ inverter ด ้วยต้นทุนที่ต่ำลงด้วย
“ผมเชื่อว่า อนาคตด้านธุรกิจพลังงานทดแทนของ IFEC จะเติบโตได้อย่างมีศักยภาพ ซึ่งเป้าหมายของผมในการเข้ามาทำงานที่นี่ เพราะ IFEC ยังมีอีกหลายโครงการที่จะลงทุนเพิ่มเติม” นายมาริศวน์ กล่าว
เผยแพร่ข่าวประชาสัมพันธ์โดยบริษัท มาสเตอร์ มายด์ คอมมิวนิเคชั่นส์ จำกัด
(ในนาม บมจ.อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ วิศวการ)
ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ :
อรอนงค์ ภัทรเวชกุล (ฟ้า) โทร. 0-2248-7967-8 ต่อ 117 หรือ 086-884-4458