นายมาซากิ คาจิยามา ประธานบริษัท ฟูจิตสึ ซีสเต็ม บีสซีเนส (ประเทศไทย) จำกัด เผยตัวเลขผลประกอบการของฟูจิตสึทั่วโลกตามปีงบประมาณ 2552 (เมษายน 2552 ถึงสิ้นเดือนมีนาคม 2553) มียอดขายรวม 50,317 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 1.6 ล้านล้านบาท มีผลกำไรสุทธิโตกว่า 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 32,000 ล้านบาท โดยสามารถจ่ายเงินปันผลต่อหุ้นได้มากกว่าที่คาดการณ์ไว้ถึงเท่าตัว ขณะที่ในประเทศไทยยังสามารถรักษาตัวเลขผลประกอบได้เทียบเคียงปี 2551 คือ ประมาณ 2,200 ล้านบาท แม้ต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ยากลำบากหลายประการ ทั้งนี้ เป็นผลมาจากการวางแผนกลยุทธ์หลักสำคัญ ได้แก่ การปรับโครงสร้างและสายงานการดำเนินธุรกิจให้มีความชัดเจนยิ่งขึ้น, การเน้นสร้างผลกำไรในกลุ่มที่เป็นธุรกิจหลัก (Core Business) ขององค์กร และการพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือบริการใหม่ ๆ เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้า
“สำหรับเป้าหมายธุรกิจในปี 2553 จะเน้นการขับเคลื่อนองค์กรฟูจิตสึทั้งในระดับประเทศ และภูมิภาค เพื่อมุ่งสู่ความเป็นองค์กรระดับโลก (Global Company) ตลอดจนพัฒนาบริการทางธุรกิจใหม่ ๆ (Create new businesses services) ในการตอบรับความต้องการของตลาด รวมทั้งเติบโตเคียงคู่ไปกับลูกค้าร่วมสร้างความสำเร็จทางธุรกิจทั้งในปัจจุบันและอนาคต ภายใต้พันธสัญญาใหม่ “shaping tomorrow with you” โดยยึดหลักการทำงานร่วมกับลูกค้าอย่างใกล้ชิด ศึกษาทำความเข้าใจธุรกิจของลูกค้าและแก้ปัญหาอย่างตรงจุด การรับฟังมุมมองลูกค้าเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงาน หรือพัฒนาบริการทางธุรกิจ เพื่อให้ลูกค้าเกิดความไว้วางใจฟูจิตสึในฐานะพันธมิตรทางธุรกิจ”
สำหรับกลยุทธ์หลักสำคัญในการผลักดันองค์กรสู่ความเป็น Globalization นายมาซากิ กล่าวว่า ฟูจิตสึจะเน้นความสำคัญในเรื่องความร่วมมือระหว่างทีมงานและพันธมิตรธุรกิจในการนำเสนอเทคโนโลยี โซลูชัน หรือบริการคุณภาพที่เป็นมาตรฐานเดียวกันไปสู่ลูกค้าทุกภูมิภาคทั่วโลก (Unified Approach) ภายใต้การแลกเปลี่ยนข้อมูล ประสบการณ์ความเชี่ยวชาญเฉพาะในแต่ละประเทศ, การเดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์และกลยุทธ์ธุรกิจที่เป็นทิศทางเดียวกัน ภายใต้ธีม “One Fujitsu” ในการเข้าถึงความต้องการของลูกค้าทั่วโลก ขณะเดียวกัน ต้องสามารถตอบสนองความต้องการที่แตกต่างในแต่ละประเทศ (Think global, act local), การพัฒนาเทคโนโลยีใหม่เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งในตัวผลิตภัณฑ์และบริการที่มีอยู่ ตลอดจนการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่อเป็นการขยายฐานลูกค้าไปอย่างกว้างขวาง หรือรุกเข้าไปในตลาดที่มีศักยภาพในการเติบโตอย่างจริงจังมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ฟูจิตสึยังเน้นการสนับสนุนให้ทุกภูมิภาคต้องมีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันในลักษณะของการสร้างสังคมความรู้ (Human-centric intelligent society) ผ่านการสั่งสมประสบการณ์ที่มีคุณค่า ซึ่งฟูจิตสึได้รับจากการทำงานร่วมกับลูกค้า คู่ค้าทางธุรกิจ หรือระหว่างพนักงานด้วยกัน เพื่อนำไปสู่การสร้างสิ่งใหม่ ๆ ที่เป็นประโยชน์กับลูกค้า และเป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วทั้งภูมิภาคและทั่วโลก
“สำหรับประเทศไทยได้รับเอาทิศทางการดำเนินธุรกิจมาปรับใช้ โดยทางฟูจิตสึมีการวางแผนที่จะขยายฐานลูกค้าในประเทศไทยจากเดิมซึ่งเน้นกลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมที่เป็นบริษัทญี่ปุ่นโดยส่วนใหญ่ ไปยังกลุ่มลูกค้าอื่น ๆ ที่มีศักยภาพสูง ทั้งกลุ่มลูกค้าที่เป็น Key Account ใหญ่ เช่น กลุ่มโทรคมนาคม, ธนาคาร, ธุรกิจสุขภาพ, ราชการ และตลาดบริการอื่น ๆ ควบคู่ไปกับลูกค้าในธุรกิจขนาดกลาง (Mid-market) ให้มากยิ่งขึ้น, การเพิ่มความแข็งแกร่งในการทำตลาดด้านเทคโนโลยีทางด้านเวอร์ชวลไลเซชัน และกรีนไอทีอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดการใช้พลังงาน และการจับมือร่วมกับคู่ค้าในการนำเสนอโซลูชันใหม่ ๆ ให้กับลูกค้า ซึ่งรวมถึงการผลักดันในเรื่องของ Cloud Computing” นายคาจิยามา กล่าว
นายมาซายูกิ คูนิมารุ ผู้บริหารสายงานบริการด้านแอพพลิเคชัน ประจำภูมิภาคอาเซียน, ฟูจิตสึ เอเซีย กล่าวถึงการพัฒนาธุรกิจใหม่ว่า ฟูจิตสึมีการกำหนดทิศทางและการจัดสรรงบวิจัยพัฒนาโซลูชันใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่องทุกปี เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มทางธุรกิจให้กับลูกค้า โดยในปี 2553 นี้ ฟูจิตสึได้เน้นความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับพาร์ทเนอร์ด้านไอทีชั้นนำมากขึ้นในการนำเสนอโซลูชันที่หลากหลาย และขยายไปในอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น การพัฒนาโซลูชันเพื่อรองรับธุรกิจการสื่อสารโทรคมนาคม หรือ Telco, ความร่วมมือกับ SAP, Salesforce.com ในการนำเสนอโซลูชันทางด้าน ERP, CRM โดยเฉพาะการผลักดันในเรื่องของ Cloud Computing เพื่อครอบคลุมการให้บริการอย่างเต็มรูปแบบ ได้แก่ อินฟราสตรัคเจอร์ (Infrastructure as a Service), แอพพลิเคชั่น (Application as a Service), การบริหารกระบวนการทางธุรกิจ (Activity as a Service) และการจัดการข้อมูล (Content as a Service) ซึ่งในปีนี้ ฟูจิตสึได้วางแผนจัดสรรงบพัฒนาธุรกิจด้าน Cloud Computing ไว้สูงถึง 1,100 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งมากกว่าปีที่แล้วถึง 54%
“สิ่งที่ทำให้ฟูจิตสึแตกต่างจากผู้ให้บริการไอทีรายอื่น ๆ คือ การที่เราดึงทรัพยากรและศักยภาพของทีมงานทั่วโลก และจากภูมิภาคต่าง ๆ มาร่วมกันใช้ให้เกิดประโยชน์กับลูกค้าในแต่ละประเทศ นอกจากนี้ เรามีการจัดสรรงบประมาณด้านวิจัยพัฒนาถึง 5.3%, มีการฝึกอบรมพนักงานให้มีความชำนาญการอย่างต่อเนื่องในธุรกิจปัจจุบัน และอนาคต เช่น การตั้งเป้าการอบรมเรื่อง Cloud ให้ได้ถึง 5,000 คน ในปี 2555 เป็นต้น สำหรับเฉพาะกลุ่มประเทศในแถบอาเซียนรวมทั้งประเทศไทย เรามีบุคลากรในทุกสายงานนับรวมกว่า 2,500 คน มีทีมพัฒนาแอพพลิเคชัน กว่า 400 คน ที่พร้อมรองรับการให้บริการลูกค้า ซึ่งกว่า 150 คน เป็นทีมที่พร้อมให้บริการในประเทศไทย” นายคูนิมารุ กล่าวในที่สุด