นายมาโนช ชูทับทิม นายกสมาคมผู้เลี้ยงไก่ไข่ เปิดเผยว่า ขณะนี้ราคาไข่ไก่คละหน้าฟาร์มเริ่มอ่อนตัวลงแล้วโดยมีราคาที่ฟองละ 2.60 บาท จากเดิมฟองละ 2.70 บาท ซึ่งเป็นผลมาจากการยืดอายุแม่ไก่ยืนกรงตามมาตรการเร่งด่วนที่รัฐบาลให้นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ เลขาธิการนายกรัฐมนตรีเข้าร่วมประชุมกับคณะกรรมการนโยบายพัฒนาไก่ไข่และผลิตภัณฑ์ หรือ EGG Broad เมื่อวันที่ 5 กค.ที่ผ่านมา และมีมติให้ผู้เลี้ยงไก่ไข่ยืดอายุแม่ไก่ยืนกรงจาก 78 สัปดาห์ เป็น 82 สัปดาห์ เพื่อให้มีผลผลิตไข่ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง
นายกสมาคมผู้เลี้ยงไก่ไข่ กล่าวว่า ภาวะราคาราคาไข่ไก่ยังมีแนวโน้มที่อ่อนตัวลงอย่างต่อเนื่อง โดยใกล้เคียงกับต้นทุนการเลี้ยงที่อยู่ที่ฟองละ 2.50 บาทแล้ว ที่ปกติแล้วเมื่อสภาพอากาศเย็นขึ้น ก็จะมีผลผลิตไข่ไก่ออกสู่ตลาดมากขึ้น เนื่องจากแม่ไก่จะมีเปอร์เซนต์ไข่ที่ดีขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยที่ส่งผลให้ราคาไข่ไก่อ่อนตัวลงอยู่แล้ว รวมทั้งเมื่อเข้าสู่ช่วงปิดภาคเรียน และเทศกาลเจ ก็จะยิ่งเป็นแรงผลักที่ส่งผลให้ราคาลดต่ำไปอีก เพราะเป็นช่วงที่มีการบริโภคไข่ไก่ลดลง แต่ในครั้งนี้ ผลผลิตไข่ที่มีมากขึ้นส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการยืดอายุของแม่ไก่ยืนกรงด้วย ก็ยิ่งทำให้ปริมาณผลผลิตไข่ไก่ในท้องตลาดมีมากขึ้น จึงอยากให้รัฐบาลได้มีมาตรการให้ความช่วยเหลือผู้เลี้ยงอย่างจริงจังด้วย
ทั้งนี้ ผู้เลี้ยงไก่ไข่ขาดทุนมาโดยตลอดเพราะผลผลิตมากเกินความต้องการบริโภค คณะกรรมการ นโยบายพัฒนาไก่ไข่และผลิตภัณฑ์ หรือ EGG Broad และเกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ไข่ จึงได้ร่วมมือกันแก้ไขปัญหากันมาตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา เพื่อพยายามร่วมกันหาทางแก้ปัญหาเสถียรภาพราคาไข่ไก่ด้วยมาตรการต่างๆ มากมาย อาทิ การควบคุมปริมาณการนำเข้าพ่อแม่พันธุ์ การปลดแม่ไก่แก่ยืนกรงให้เร็วขึ้น หรือการส่งออกเพื่อระบายไข่ส่วนเกิน ทั้งนี้เพื่อรักษาสมดุลของอุปสงค์อุปทานของไข่ไก่ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม นำมาซึ่งเสถียรภาพราคาไข่ไก่ ความพยายามดังกล่าวเพิ่งจะเริ่มสัมฤทธิ์ผลในปีนี้ แต่กลับต้องเจอกับสภาวะโรคร้อน และโรคระบาด ในช่วงต้นปี