ซึ่งสงกรานต์เผยถึงความรู้สึกว่า “ตอนแรกที่ดูบท ดูสไตล์ของหนังและดูคนที่เล่นด้วยกันแล้ว ตัดสินใจไม่ยาก แต่ก็มีความลำบากใจเพราะเป็นหนังเรื่องแรก และได้เล่นกับทูลกระหม่อมฯ กับนักแสดงที่เป็นแถวหน้าของเมืองไทย กลัวจะถ่วงเขา ทำให้เขาช้า เสียเวลา”
สำหรับบทที่ผมได้รับนั้นจะหนักไปทางบู๊มากกว่า ซึ่งเหมาะกับผมดี เพราะผมเป็นคนพูดไม่เก่ง ผมก็ต้องฟิตร่างกาย ออกกำลังกายมากขึ้น อีกอย่างผมหัวเข่าไม่ดี เอนหัวเข่าผมเคยขาด 2 เส้นจากอุบัติเหตุ เลยต้องระวังตัวเอง แต่หนังก็มีฉากแอ็คชั่นค่อนข้างเยอะ ฉากไล่ล่า ยิงกัน โดนชนรถคว่ำ เราเองอยู่ในรถด้วยทำให้ต้องเตรียมร่างการเยอะมาก ซึ่งผมต้องขอให้ทางผู้กำกับช่วยเซฟขาเราในฉากแอ๊คชั่นด้วย เพราะฉากแอ๊คชั่นส่วนใหญ่เราขอเล่นเอง แถมฉากยิงปืนก็ใช้ปืนของจริง แต่กระสุนปลอมนะครับ เครื่องบินหรือเฮลิคอปเตอร์ที่เอามาประกอบฉากก็ของจริงหมดเลย
อีกเรื่องที่ผมกังวลมากคือการท่องบทครับ กลัวที่สุดแล้ว เพราะบางช่วงมันจะเป็นบทยาวๆ ต้องมีเทคนิคในการช่วยจำ และเวลาเข้าฉากกับนักแสดงคนอื่น เราก็เกร็งอีก แต่สุดท้ายก็ผ่านมาจนได้ครับ” สงกรานต์สารภาพก่อนจะทิ้งท้ายฝากถึงผู้ชมว่า “บริษัทโอเรียนทัล อายส์ กล้าลงทุนมากสำหรับหนังเรื่องนี้ จ้างทีมงานจากฮ่องกงมากซัพพอร์ตเพื่อให้ฉากต่างๆสมจริง ทีมงานทุกคนทำงานเต็มที่ นักแสดงระดับแถวหน้าทั้งนั้นเลย รับรองว่าคุ้มแน่นอนครับ อยากให้มาชมกันเยอะๆครับ”
ผลลัพธ์ในความพยายามเล่นหนังครั้งแรกของหนุ่ม “สงกรานต์ เตชะณรงค์” จะออกมาเป็นอย่างไร เขาจะพิสูจน์ตัวเองทางด้านการแสดงได้หรือไม่ต้องไปติดตามชมใน “มายเบสท์บอดี้การ์ด” (My Best Bodyguard) 21 ตุลาคมนี้ ทุกโรงภาพยนตร์ทั่วประเทศ