นายชุมพล ศิลปอาชา รมว.กก. เปิดเผยว่า กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้ลงนามสัญญาจ้าง กิจการร่วมค้าอีเอ็มซีและเพาเวอร์ไลน์ ทำการก่อสร้าง ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ จังหวัดเชียงใหม่ เริ่มสัญญาตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2552 และสิ้นสุดสัญญาวันที่ 30 กันยายน 2554 กำหนดแล้วเสร็จ ภายใน 730 วัน โดยศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาตินี้ มีเนื้อที่ 326 ไร่ วงเงินการก่อสร้าง รวมทั้งสิ้น 1,867,150,000 บาท ตามสัญญาจ้างของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาแบบปรับราคาได้ สัญญาเลขที่ ก 9/2552 โดยแบ่งเป็นงานLandscapec และภายนอกอาคาร วงเงิน 457,451,750 บาท งานอาคารศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ จังหวัดเชียงใหม่ วงเงิน 1,112,821,400 บาท และ งานสร้างศูนย์สิ่งเสริมการพัฒนาและกระจายสินค้าวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมภาคเหนือ จังหวัดเชียงใหม่ วงเงิน 296,876,850 บาท หากงานก่อสร้างล่าช้ากว่าที่ทำสัญญาไว้จะมีค่าปรับวันละ 186,715 บาท โดยมีคณะกรรมการตรวจรับการจ้างงานก่อสร้างศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ ประกอบด้วย นายสมบัติ คุรุพันธ์ เป็นประธานกรรมการ กรรมการประกอบด้วย นายสุพล ศรีพันธุ์ นายธงชัย ศรีดามา นายการุญ จันทรางศุ นายนเร เหล่าวิชยา นายดรุณ แสงฉาย และนางสุพิทย์ วีระใจ เป็นกรรมการและเลขานุการ
สำหรับคณะกรรมการตรวจการจ้างควบคุมงานก่อสร้าง ประกอบด้วย นายวัฒนา ธรรมศิริ เป็นประธานกรรมการ กรรมการประกอบด้วย นายนิวัฒน์ วชิรวราการ นายสมศักดิ์ คำปลิว นายเอกนรินทร์ จินทะวงศ์ เป็นกรรมการและเลขานุการ ซึ่งมี บริษัท เอเชีย คอนสตรัคชั่น เป็นผู้ควบคุมงานก่อสร้าง ในวงเงินทั้งสิ้น 21,118,830.80 บาท มีค่าควบคุมงานในปี 2553 แบ่งจ่ายจำนวน 4 งวด จำนวนเงิน 4,768768.20 บาท และปีพ.ศ. 2554 ค่าคุมงานก่อสร้าง จำนวน 12 งวด เป็นเงิน 16,350,062.60 บาท สำหรับการเบิกจ่ายเงินค่าก่อสร้าง ณ ปัจจุบันนี้ มีการเบิกจ่ายไปแล้ว 429,257,785 บาท คิดเป็น 22.99 % และยังคงเหลือเงินที่ไม่ได้เบิกจ่ายเป็นเงิน 1,437,892,215 บาท ทั้งนี้ผลการดำเนินงานก่อสร้างฯ ข้อมูล ณ วันที่ 9 กันยายน 2553 มีการดำเนินงานตามสัญญาก่อสร้างมากว่า 343 วัน(เกือบ 1 ปี) มีเป้าหมายการก่อสร้าง ตามแผนงานภาพรวม คือ 29.83% แต่ขณะนี้มีผลงานที่ทำได้ภาพรวมประมาณ 22.01% ประกอบด้วยงานอาคารศูนย์ประชุมฯ ดำเนินการแล้ว 18.14 % งานศูนย์ส่งเสริมฯ ดำเนินการแล้ว 25.12 % และงานภายนอก ดำเนินการแล้ว 29.28% ในภาพรวมงานก่อสร้างล่าช้ากว่าแผนงานที่ตั้งไว้ 7.82 % คิดเป็นความล่าช้างานโดยรวมประมาณ 45 วัน ซึ่งจากการตรวจและติดตามงานก่อสร้างฯ พบว่าโครงการจะต้องเตรียมงบประมาณโดยรวมเพิ่มขึ้นอีก จำนวนประมาณ 1,062,227,000 บาท ควบคู่ไปกับงานก่อสร้างที่จะแล้วเสร็จในปลายปี 2554 ซึ่งประกอบด้วยงานก่อสร้างถนนโดยรอบโครงการ 140 ล้านบาท ระบบงานโทรศัพท์ 18 ล้านบาท ระบบไฟฟ้านอกโครงการ 280 ล้านบาท ระบบประปาโดยรอบ 40 ล้านบาท งานก่อสร้างรั้วรอบโครงการ 31 ล้านบาท งานป้ายบอกทางเข้าสู่โครงการ 7 ล้านบาท และงานครุภัณฑ์ 548 ล้านบาท อีกทั้งโครงการจะต้องเตรียมความในระบบป้องกันน้ำท่วมและการระบายน้ำ เนื่องจากมีทำเลที่ต้องรองรับการไหลบ่าของน้ำจากภูเขา น้ำล้นบ่อ และคลองส่งน้ำชลประทานด้วย
ซึ่งเมื่อกระบวนการก่อสร้างเสร็จสิ้น ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเชียงใหม่ จะเป็นศูนย์ประชุมนานาชาติส่วนภูมิภาคแห่งแรกของรัฐบาลไทย ที่จะสนับสนุนให้จังหวัดเชียงใหม่ เป็นเมืองศูนย์กลางการประชุมนานาชาติ รองรับนักท่องเที่ยวคุณภาพ กระตุ้นเศรษฐกิจ เพิ่มมูลค่าและคุณค่าสินค้าการท่องเที่ยว สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล ในการเพิ่มศักยภาพการท่องเที่ยวคุณภาพให้แก่ประเทศไทย ตลอดจนขยายตลาดและรายได้จากการประชุมและแสดงสินค้า(MICE - Meeting, Incentive, Convention, Exhibition) โดยศูนย์ประชุมฯ จะรองรับคนได้มากกว่า 10,000 คน มีห้องประชุมใหญ่ รองรับคนได้กว่า 3,000 คน ห้องประชุมเล็ก/ย่อยต่างๆ รองรับได้กว่า 3,000 คน ศูนย์/ห้องอาหาร รองรับคนได้กว่า 2,000 คน และพื้นที่จอดรถ รองรับได้กว่า 3,000 คัน และมีพื้นที่ใช้สอยต่างๆ ไม่ว่าอ่างเก็บน้ำ สำนักงาน ร้านค้า ของที่ระลึก นิทรรศการ ธนาคาร ไปรษณีย์ ขนส่ง บริษัททัวร์ หน่วยงานราชการแบบเบ็ดเสร็จ และอื่นๆ ในการรองรับธุรกิจตลาด MICE
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวปิดท้ายว่า ในขณะนี้การท่องเที่ยวในภาพรวมของประเทศไทยกำลังเป็นขาขึ้น และกำลังเข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยว หวังเป็นอย่างยิ่งว่าการเมืองไทย จะสงบนิ่ง ขอวอนทุกฝ่าย โปรดเลิกแบ่งสี ไม่มีการทะเลาะกันให้ชาวโลกเห็นอีก และไม่มีความแตกแยกไปมากกว่านี้ ก็จะทำให้เป้าหมายนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าสู่ประเทศไทย ตลอดทั้งปี 2553 จะบรรลุขั้นต่ำ 14-15 ล้านคนอย่างแน่นอน รวมทั้งจังหวัดเชียงใหม่ ที่เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวของภาคเหนือ หากไม่มีภาพลักษณ์ทางการเมืองที่รุนแรง ซึ่งเป็นอะไรที่ตรงข้ามกับนิสัยที่แท้จริงของคนเชียงใหม่ ที่ต้องการความสงบ สันติ และมีความเป็นล้านนาเชียงใหม่ ที่มีเสน่ห์ในตัวเองมานานแล้ว ก็จะทำให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ เดินทางเข้าสู่จังหวัดเชียงใหม่อีกครั้ง และจะต้องบรรลุขั้นต่ำ 3-4 ล้านคน/ปี 2553เช่นกัน อีกทั้งกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้เร่งรัด ติดตามการก่อสร้างศูนย์ประชุมฯเพื่อชาวเชียงใหม่และชาวไทย เป็นระยะ อย่างต่อเนื่อง ทุก 2 เดือน เพื่อจะสนับสนุนธุรกิจไมซ์ และอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ที่ต้องการการเติบโต และการพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับนานาชาติ เป็นแหล่งท่องเที่ยวคุณภาพ และบรรลุเป้าหมายของรัฐบาล ในการพัฒนาการท่องเที่ยวไทย อันจะเป็นการช่วยกระตุ้นจำนวนนักท่องเที่ยวและรายได้จากการท่องเที่ยวสู่จังหวัดเชียงใหม่และภาคเหนือเพิ่มขึ้น อย่างมีคุณภาพและต่อเนื่อง โดยต้นปี 2555 มั่นใจว่า ชาวเชียงใหม่ นักท่องเที่ยว และชาวไทยทั้งประเทศ จะต้องได้ชมความสวยงาม และได้ใช้บริการของศูนย์ประชุมฯเชียงใหม่ ซึ่งถือเป็นการมอบของขวัญปีใหม่ให้แก่ชาวเชียงใหม่และชาวไทยทั่วประเทศในโอกาสเดียวกันด้วย